ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 58

ในอดีตซือลั่วเคยทำความสะอาดห้องที่ไหนกัน ในห้องมีที่วางเท้าลงได้ก็เพียงพอแล้ว ทว่าตอนนี้ภายในห้องกลับสะอาดสะอ้าน บนเตียงปูชุดเครื่องนอนที่สะอาดและเป็นระเบียบ คลุมโต๊ะด้วยผ้าลายดอกไม้หนึ่งผืนที่งดงามอย่างยิ่ง แม้แต่บนม้านั่งยังวางเบาะรองนั้งเป็นขั้น บนโต๊ะวางถ้วยชาไม้ไผ่ ขอบหน้าต่างยังมีกระถางดอกไม้ขนาดเล็กอยู่หนึ่งกระถาง  มีดอกไม้ใบหญ้าที่ไม่ทราบชื่อลอยอยู่ในอ่างน้ำและกำลังผลิดอกตูม สีเขียวอ่อนช่วยเพิ่มสีสันให้ภายในห้องไม่น้อย แม้กระทั่งคราบสกปรกบนผนังก็ถูกเช็ดออกไปแล้ว ทั้งห้องมีกลิ่นอายแบบฉบับโบราณที่สดชื่นและงดงาม

เมื่อซือลั่วเห็นเขาจ้องมองห้องของตนเอง นางก็หัวเราะและกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ประเดี๋ยวจะตกแต่งห้องให้เจ้าเช่นเดียวกัน”

"อืม..."

เว่ยฉงซีตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ซือลั่วรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว เขาจิบไปหนึ่งอึกและอดไม่ได้ที่จะก้มลงมอง น้ำชามีสีเหลืองอ่อนทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานของดอกไม้

"นี่คืออะไร" เขาถาม

ซือลั่วยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก "เป็นชาดอกเบญจมาศกับเก๋ากี๊"

เว่ยฉงซีเหลือบมองนางและพูดว่า "เจ้าค่อนข้างรู้จักการเสพสุขเลยทีเดียว เอาแต่พูดปาว ๆ ว่าจะดูแลข้า จะชดเชยให้ข้า ตนเองดื่มชาดอกเบญจมาศ แต่ข้ากลับได้ดื่มดอกฟันสิงโตป่าในลานบ้าน”

ซือลั่วหัวเราะแห้ง ๆ โดยรู้ว่าตนเองไร้เหตุผล จึงอธิบายว่า “วันนี้ไปเห็นมันเข้าตอนที่ซื้อขนมจากร้านเหยาจี้เลยซื้อจากเถ้าแก่มานิดหน่อย เดิมทีคิดจะนำมาให้เจ้า แต่ใครใช้เจ้าอารมณ์เสียแล้วมาประชดประชันกันเล่า”

“ข้าอารมณ์เสีย?”

เว่ยฉงซีมองไปที่นาง "เจ้าลองดูห้องของข้าสิ ช่างหาที่เปรียบกับห้องของคุณหนูสามซือไม่ได้อย่างแท้จริง”

เริ่มประชดประชันกันอีกแล้ว

ซือลั่วถอนหายใจ "เอาเถอะ เป็นความผิดข้าเอง ท่านอ๋องน้อยเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ต้องมีความใจกว้าง อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับข้าไปเลย”

เว่ยฉงซีก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง เพียงแค่โต้ตอบไปมาจนถึงประเด็นนั้น และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างห้องของเขากับซือลั่วก็ทำให้รู้สึกฉุนเฉียวจริง ๆ

เว่ยฉงซีจิบชาอีกครั้งและเห็นรองเท้าแปลก ๆ คู่หนึ่งวางอยู่ข้างเตียงของนาง

ซือลั่วรู้สึกว่าเขาเหมือนเจ้าหนูจำไม ไม่สิ ต้องเป็นคุณปู่จำไม

ขณะที่เห็นคุณปู่จำไมจ้องมองรองเท้าแตะที่ตนเองทำ นางจึงรีบอธิบายถึงวิธีการทำรองเท้าแตะหนึ่งรอบ ทั้งยังจงใจเน้นตนเองทำให้เขาคู่หนึ่งแล้วเหมือนกัน ทว่าเนื่องจากหลายวันมานี้นางไม่สบายจึงต้องพักมันไว้ก่อน ซือลั่วให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้เขาเสร็จโดยเร็ว

เว่ยฉงซีจึงไม่ได้ถามต่อไปอีก

ทั้งสองเพิ่งกินโจ๊กง่าย ๆ ไปเมื่อตอนเย็น ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ซือลั่วจึงนำรองเท้าแตะที่จะให้เว่ยฉงซีซึ่งทำไปแล้วครึ่งหนึ่งออกมาและคิดจะทำที่เหลือต่อให้เสร็จ

เว่ยฉงซีฟังเสียงฝนนอกหน้าต่างและไม่มีอะไรทำ จึงดูซือลั่วทำรองเท้า

ภายใต้แสงไฟ เงาของซือลั่วดูยาวขึ้น สายตาก็แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลขึ้น สมาธิจดจ่อ ให้ความรู้สึกถึงช่วงเวลาที่งดงามและสงบสุข

ทันใดนั้นเว่ยฉงซีก็มีความรู้สึกว่าคงจะดีถ้าหากได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กับนาง

แต่ในไม่ช้า เขาก็สลัดความคิดนี้ออกไป ไม่ต้องพูดถึงความแค้นบัญชีเลือดที่อยู่บนกายเขา ต่อให้เขาคิดจักรพรรดิก็คงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ

เดิมทีรองเท้าแตะทำไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนนี้ทำส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยพริบตาเดียวจึงทำเสร็จแล้ว

ซือลั่วกระโดดลงจากเตียง "มา ลองดูสักหน่อย"

เว่ยฉงซีรับมันมา และถอดรองเท้าของตนเองออก พอลองสวมดูก็รู้สึกสบายอย่างมาก จะสวมหรือถอดในยามดึกก็สะดวกสบาย

“เป็นอย่างไรบ้าง” ซือลั่วถาม

“สบายมาก เจ้าค่อนข้างรู้จักเสพสุขเลยทีเดียว” เว่ยฉงซีถามไปพลางดื่มชาไปพลาง

ซือลั่วยิ้มและพูดว่า "นั่นสินะ"

นางพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "ในอนาคตรอจนข้ามีเงินเพียงพอแล้ว ข้าจะซื้อสาวใช้สองคนมาคอยปรนนิบัติข้าทุกวัน"

หลังจากกล่าวจบ ราวกับกลัวว่าเว่ยฉงซีจะอิจฉา จึงกล่าวเสริมว่า "จะซื้อให้เจ้าสองนางเช่นกัน นางหนึ่งคอยปรนนิบัติเรื่องการกินอยู่ของเจ้า อีกนางหนึ่งไว้อุ่นเตียงให้เจ้า”

เว่ยฉงซีตกตะลึง

เพียงฟังซือลั่วกล่าวอีกว่า “ขอกล่าวอย่างไม่ปิดบังเจ้าละกัน ตอนเด็กข้ายากจน จึงคิดว่าภายหลังรอจนข้ามีเงินแล้ว จะทำฟันเลี่ยมทอง ยามยิ้มก็จะเหลืองทองอร่าม ทีนี้ทุกคนก็จะรู้หมดว่าข้ามีเงิน”

เว่ยฉงซีตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์

ภาพภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา

ซือลั่วติดเครื่องประดับทองและเงินไปทั้งตัว ข้างกายมีสาวใช้สองคนคอยปรนนิบัติ นางเดินไปอย่างเย่อหยิ่งและโอ้อวด จากนั้นก็ยิ้มให้เจ้า ทั้งปากเต็มไปด้วยฟันสีเหลืองทองอันเปล่งประกาย...

เว่ยฉงซีรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจซือลั่วแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะมีคนทำฟันเลี่ยมทองเพื่อโอ้อวดความมั่งคั่งได้อย่างไร อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นแม่นางน้อยที่พึ่งจะอายุสิบห้าปีอีกด้วย

เมื่อเห็นเว่ยฉงซีมองนางเหมือนเห็นผี นางก็หัวเราะ “เป็นเพียงความคิดในวัยเยาว์ อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังสิ”

เว่ยฉงซีพูดไม่ออก

เขาไม่สามารถหาคำพูดมาอธิบายซือลั่วในขณะนี้ได้จริง ๆ

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นซือลั่วจึงกล่าวว่า "นี่มันก็ดึกมากแล้ว ควรเข้านอนได้แล้ว"

เตียงค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่นางกับเว่ยฉงซีจะนอนด้วยกัน

นางจัดเตียงให้เรียบร้อยและมองไปทางเว่ยฉงซี "หลับตา ข้าจะเปลี่ยนชุด"

เว่ยฉงซีหลับตา

ซือลั่วพูดอีกครั้งว่า "ไม่อนุญาตให้แอบมอง"

“ใครจะอยากไปมองเจ้ากัน” เว่ยฉงซีพูดอย่างเหยียดหยาม

ซือลั่วก็รู้สึกว่าเขาคงไม่ได้อยากหรอก คราก่อนที่นางดื่มจนกลายเป็นเช่นนั้นท่านอ๋องน้อยเว่ยกลับสุภาพบุรุษถึงเพียงนั้น นับประสาอะไรกับตอนนี้ เขาน่าจะรังเกลียดนางอย่างมาก คาดว่าต่อให้นางยืนเปลือยกายต่อหน้าเขา เขาก็คงจะไม่มองนางแม้แต่น้อย

ซือลั่วลอบถอนหายใจ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองไร้สาระอีกแล้ว เหตุใดนางถึงต้องการให้เว่ยฉงซีมองนางแถมยังไปยืนเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าเขาอีกด้วย ฝันไปเสียเถอะ

สำหรับเว่ยฉงซี หากซือลั่วบอกให้เขาหลับตาเขาก็ต้องหลับตาหรือไง เขาไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย

เขาหรี่ตามองไปทางซือลั่ว ซือลั่วหันหลังให้เขาและถอดเสื้อนอกออก ด้านในเป็นชุดที่แปลกประหลาดตัวหนึ่ง ทว่าค่อนข้างดูดี แผ่นหลังที่ขาวเนียนเปิดโล่งทั้งหมดจนเว่ยฉงซีที่มองอยู่รู้สึกลำคอแห้งผาก

เขาใช้เวลามากมายในค่ายทหารตั้งแต่ยังเด็ก ผนวกกับคุณชายและพวกพี่ชายในหลานจิงต่างก็มีความโดดเด่น จึงไปลานสังคีตหอโคมแดงไม่เคยขาด แม้ว่าเว่ยฉงซีจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องระหว่างชายหญิงแต่เขาก็เข้าใจดี

ในหัวก็นึกถึงสิ่งที่ทหารผ่านศึกเหล่านั้นพูดไว้ คนเหล่านั้นพอมีเงินหากไม่ไปดื่มสุราก็จะไปใช้จ่ายที่ย่านโคมเขียว พวกเขามักจะพูดเรื่องหยาบคายด้วยกันบ่อย ๆ เมื่อเว่ยฉงซีคิดถึงเรื่องเหล่านั้น ความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล…

เมื่อได้สติกลับมา จึงพบว่าซือลั่วเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว และกำลังหรี่ตามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

"เรียบร้อยแล้วหรือยัง"

เว่ยฉงซีรู้สึกยินดีที่ในขณะที่ตนเองแอบมองได้เปิดตาขึ้นเป็นเพียงช่องเล็ก ๆ เท่านั้น มิฉะนั้นจะต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน

ซือลั่วมักจะรู้สึกว่าเขาแอบดูอยู่ตลอด แต่นางไม่มีหลักฐาน

"เรียบร้อยแล้ว" นางพูดอย่างเย็นชา

เว่ยฉงซีลืมตาขึ้นและเห็นว่าซือลั่วสวมชุดคล้ายเสื้อคลุมตัวยาว โดยมีสายคาดเอวสองเส้นที่ผ๔กปมเอาไว้ตรงกลาง คราก่อนเขาเคยเห็นตอนที่นางทำชุดตัวนี้ คาดไม่ถึงว่าพอสวมใส่แล้วจะดูดีไม่น้อย

เมื่อซือลั่วเห็นว่าเขาจ้องมองตนเองอยู่จึงได้ถลึงตาใส่เขาและโยนชุดนอนของเขาให้เขา เมื่อเว่ยฉงซีรับมาก็เปลี่ยนชุดราวกับว่าไม่มีคนอยู่ ซือลั่วตกใจจนรีบร้อนหันหลังให้เขา รอจนเขาเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วนางจึงพาเขาไปบนเตียง

แต่ก่อนที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ยามนี้ที่ทั้งสองอยู่ในพื้นที่เล็กคับแคบ ซือลั่วรู้สึกว่าไม่ว่าจะไปทางไหนก็เจอแต่เขา แม้แต่ในอากาศก็ราวกับอบอวลไปด้วยกลิ่นของเขา

ผู้ที่รู้สึกแบบเดียวกันนี้ยังมีเว่ยฉงซีอีกด้วย

ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขารู้สึกหวาดผวาจนแทบจะไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ใครทำร้ายเขา เขาจึงมีความระแวดระวังสูงมาก แต่ตอนนี้จู่ ๆ ข้างกายก็มีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน เว่ยฉงซีจึงค่อนข้างไม่เป็นตัวของตัวเอง

ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“นอนกันเถอะ" ซือลั่วพูด

“อืม” เว่ยฉงซีกล่าว

ซือลั่วนอนอยู่ด้านในส่วนเว่ยฉงซีอยู่ข้างนอก ซือลั่ววางผ้าห่มผืนหนึ่งคั่นไว้ตรงกลางอีกด้วย เว่ยฉงซีขบขับเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องไปที่ไฝบนแขนของนาง

เป็นซือลั่วจริง ๆ เสียด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน