ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 59

ซือลั่วเหลือบมองเช่นกัน มีปานทรงกลมขนาดเท่าเล็บนิ้วมืออยู่บนแขนข้างซ้ายของนาง ตัวนางเองไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก ยามนี้เว่ยฉงซีกำลังจ้องมองนางอยู่ นางจึงเหลือบดูอีกหลายที จากนั้นก็กล่าวว่า “บนแขนข้างนี้ของข้ายังมีไฝอีกเม็ดด้วยนะ”

เว่ยฉงซีมองไปยังไฝเม็ดนั้นบนแขนขวาอันขาวผ่องและเล็กเรียวที่นางเผยออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองซือลั่วด้วยสายตาที่ซับซ้อนอย่างมาก

สตรีผู้นี้ช่างกล้าได้กล้าเสียจริง ไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย

ซือลั่วสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาจึงเกิดความสงสัย "ไฝเม็ดนี้มีอะไรผิดปกติหรือ หางตาของข้ายังมีอีกเม็ดด้วยนะ"

เว่ยฉงซีถามว่า "เจ้าไม่รู้ว่านี่คืออะไรงั้นหรือ"

ซือลั่วสับสนมากยิ่งขึ้น "มันก็แค่ไฝเม็ดหนึ่งไม่ใช่หรือ"

เว่ยฉงซีส่ายหัว "เจ้าตกลงไปในน้ำจนโง่แล้วจริง ๆ"

“เจ้าหมายความว่าอะไร” ซือลั่วมองเขาอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อย จะพูดก็พูดเสียสิ ยังจะมีเหน็บแนมกันอีก

เมื่อเว่ยฉงซีเห็นท่าทีของนาง ทันใดนั้นก็บังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ที่หางตาของเจ้าเป็นไฝเสน่ห์ไม่ผิด ที่แขนซ้ายก็เป็นปานไม่ผิดเช่นกัน ทว่าที่แขนขวาของเจ้านั้นกลับไม่ใช่ไฝ แต่เป็น...”

เขาจงใจหยุดชะงักไม่พูดอะไร จากนั้นก็เอนตัวลงนอนแล้วหลับตา

ซือลั่วรู้สึกหายใจไม่ออก เป็นความรู้สึกที่ไปต่อก็ไม่ได้แต่ให้กลับไปก็ไปต่อไม่ได้อีก นางร้อนลนจนตบลงบนแขนเว่ยฉงซีอย่างเดือดดาล “เป็นอะไรเล่า เจ้าก็พูดออกมาสิ”

เว่ยฉงซีลืมตาขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม และกล่าวทีละคำว่า "แต้ม...พรหม...จรรย์*” (คำอธิบาย แต้มพรหมจรรย์ เป็นการแต้มจุดแดงลงบนข้อมือของหญิงสาวเพื่อแสดงว่าเป็นหญิงพรหมจรรย์)

ซือลั่วตกตะลึงไปหลายวินาที จากนั้นก็ได้สติกลับมาในทันที เมื่อเห็นสายตาของเว่ยฉงซีที่มองนาง ใบหน้าก็แดงระเรื่อไปทั้งหน้าในชั่วพริบตา 

“สารเลว!” ซือลั่วสบถด่าด้วยความโกรธ

เว่ยฉงซีจึงกล่าว "เจ้าต้องการถามด้วยตัวเจ้าเอง ข้าเพียงแค่ตอบข้อสงสัยของเจ้าเท่านั้น พูดไปแล้วข้ายังคิดว่าเจ้าจงใจถามเองเพราะคิดจะลวนลามข้าเสียอีก” 

ซือลั่วโกรธยิ่งกว่าเดิม เหตุใดนางถึงลืมเรื่องนี้ไปได้และยังต้องให้เว่ยฉงซีบอกนางอีก หากเป็นยามปกติก็แล้วไปเถิด แต่ในยามที่ทั้งสองร่วมเตียงเคียงหมอนเช่นนี้ แต่เดิมที่กระอักกระอ่วนพอแล้ว ขณะนี้กลับยิ่งกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม

นางกระโดดลงจากเตียงและดับไฟ ในห้องมืดมนจนมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ซือลั่วคลำทางไปข้างเตียงเรื่อยๆ จนคลำไปโดนของสิ่งหนึ่งที่อุ่นร้อน ซือลั่วจึงรีบปล่อยมือทันที นางรู้ว่านั่นเป็นมือของเว่ยฉงซี

“อย่าคลำไปมั่วซั่วจะได้ไหม” เว่ยฉงซีกล่างอย่างจริงจัง

ซือลั่วลอบสบถในใจ และคลำทางขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวัง เมื่อเอนตัวลงแล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ดวงตาของเว่ยฉงซีปรับให้เข้ากับความมืดได้แล้วจึงมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เขาหันศรีษะไปมองซือลั่ว แล้วถามว่า "ตกน้ำในครานี้ทำให้เจ้าหลงเหลือความผิดปกติอะไรหรือเปล่า เหตุใดจึงหลงลืมเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ไปได้”

ซือลั่วทั้งร้อนตัวทั้งโมโห กระทั่งนางยังรู้สึกได้ว่าเว่ยฉงซีจงใจจัดการกับนาง

“อาจจะมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ก็ได้” ซือลั่วกัดฟันพูด

เว่ยฉงซีกล่าวอย่างเห็นด้วย "ทำไมเจ้าไม่ลองเชิญหมอมาดูสักวันล่ะ เรื่องสำคัญอย่างแต้มพรหมจรรย์นี่เจ้ายังลืมไปหมดแล้ว ดูเหมือนว่าจะป่วยหนัก”

ซือลั่วหันศีรษะไปถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน แต่โชคไม่ดีที่ในห้องนั้นมืดเกินไปเว่ยฉงซีจึงมองไม่เห็น

"นอนได้แล้ว!" ซือลั่วไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อนี้ต่อไปอีก

เว่ยฉงซีก็ไม่ได้พูดต่อเช่นกัน

ซือลั่วเหนื่อยมากจนผล็อยหลับไป เว่ยฉงซีฟังเสียงฝนจากด้านนอก มองดูเพดานอันมืดมิดและได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของซือลั่วที่อยู่ข้างกาย

เขาเบนศีรษะไปจนมองเห็นโครงหน้าของนาง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ซือลั่วพูดว่าต้องการทำฟันเลี่ยมทองเว่ยฉงซีก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก

ทันใดนั้น…

ซือลั่วกลิ้งรอบหนึ่งจนชิดมาทางนี้ แขนข้างหนึ่งกับขาข้างหนึ่งพาดลงมาบนร่างของเขาและกกกอดเขาไว้จนแน่น

พลังเสียงขันของซือฮวาทำให้ซือลั่วลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาเกินทน นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกถึงเรื่องราวเมื่อวานนี้ออก

ทว่า…

จากนั้นซือลั่วถึงค้นพบว่าตนเองกอดเว่ยฉงซีหลับไปทั้งคืน เว่ยฉงซียังคงอยู่ในท่าทางการนอนของเมื่อคืนวานนี้ แต่ท่าทางการนอนของซือลั่วช่างไร้ยางอายเหลือทน

ซือลั่วเก็บมือกลับมาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงนำขากลับมา จากนั้นนางก็ยกมุมผ้าห่มที่ไม่ได้ห่มให้ดีตั้งแต่แรกขึ้น จนนางมองเห็นการเปลี่ยนแปลงครึ่งร่างของเว่ยฉงซีได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง...

ซือลั่วหน้าแดงก่ำ ลอบสบถว่า "ไร้ยางอาย!"

คาดไม่ถึงว่าเสียงอันแผ่วเบาของนางกลับทำให้ท่านอ๋องน้อยเว่ยลืมตาขึ้นมา เขามองมาทางซือลั่วอย่างง่วงงุน จากนั้นจึงพบว่าซือลั่วกำลังถลึงตามองเขาด้วยใบหน้าที่แดงลามไปถึงใบหู ตัวเขาจึงก้มหน้ามองลงไปข้างล่าง และถามด้วยเสียงที่เลียนแบบทหารผ่านศึกในค่ายทหารว่า “ทำไมเล่า ไม่เคยเห็นบุรุษตื่นนอนในตอนเช้าหรือ”

“ไอ้คนไร้ยางอาย!” ซือลั่วกระโดดลงจากเตียง

เว่ยฉงซีมองไปทางเบื้องหลังของนางที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนจึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น

ฟ้าหลังฝนช่างสดใสปลอดโปร่ง ท้องฟ้าสีครามเป็นพิเศษ อากาศก็ดีมาก ฤทธิ์ยาที่ขาของเว่ยฉงซีหมดลงแล้วเขาจึงลอบเคลื่อนไหวเสียหน่อย เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของตนเองเว่ยฉงซีก็ด่าตนเองไปหนึ่งประโยคเช่นกัน

เมื่อคืนวานเขานอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากท่าทางการนอนของซือลั่วช่างเลวร้ายเกินไปอย่างแท้จริง อีกทั้งเขายังไม่ชอบถูกผู้อื่นกอดอีกด้วย จนกระทั่งรุ่งสางจึงหลับลงได้

ซือลั่วตักน้ำมาให้ตนเองกับเว่ยฉงซีบ้วนปากล้างหน้า จากนั้นก็เบิกตามองบุรุษอย่างเว่ยฉงซีที่สางผมให้เรียบร้อยแล้วนำปิ่นปักผมไม้กลัดผมเพียงเท่านี้ก็รวบผมได้เสร็จสรรพอย่างสบายๆ ดูสะอาดหมดจดและคล่องแคล่วอย่างยิ่ง ทั้งยังน่ามองอีกด้วย

เมื่อกลับมามองตนเอง ผมดำขลับไปทั้งศีรษะที่พันกันยุ่งเหยิง ซือลั่วใช้เรี่ยวแรงหมดไปทั้งช่วงเช้าถึงจะหวีมันให้เรียบร้อยได้ และยังพยายามเลียนแบบท่าทางของเว่ยฉงซีหลายครั้งหลายคราแต่ก็ล้มเหลวไปทุกครั้ง

เว่ยฉงซีหรี่ตามองนาง "ซือลั่วอา ตกน้ำในครานี้ทำให้เจ้าลืมแม้กระทั่งวิธีการเกล้ามวยผมด้วยหรือ ในอดีตเจ้าเกล้ามวยผมทุกรูปแบบได้อย่างชำนาญมากเลยนี่นา”

ซือลั่วตกใจ จากนั้นจึงหัวเราะแห้ง ๆ "จู่ ๆ ข้าก็คิดออกขึ้นมาทันทีเลย ทรงผมที่ซับซ้อนยุ่งยากเช่นนั้นเปลืองแรงเกินไปหน่อย ไม่สู้ทำแบบนี้ ทั้งทำง่ายและยังลดขั้นตอนยุ่งยากอีกด้วย”

"แบบนี้หรือ...”

เว่ยฉงซีลากหางเสียงยาว "เช่นนั้นขณะนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ”

ซือลั่วถลึงตาใส่เขาและถามอย่างโกรธเคืองว่า "เจ้ามัวแต่จ้องผมของข้าทำไมนักหนา”

"น่าเบื่อนัก!"

ซือลั่วยอมแพ้แล้ว นางรู้สึกว่านางทำให้ผมที่ยาวสลวยงดงามถึงเพียงนี้ของเจ้าของร่างเดิมเสียเปล่ายิ่งนัก นางคิดว่าภายหลังเมื่อมีเงินแล้วค่อยซื้อสาวใช้ที่เกล้าผมเป็นมาสักคนแล้วเปลี่ยนรูปแบบมวยผมทุกวัน

ซือลั่วรู้สึกว่าตนเองมีกลิ่นอายของเศรษฐีใหม่ลึกไปถึงกระดูกอย่างมาก

นางยังคงเลือกที่จะถักเปียเดี่ยวและม้วนเป็นก้อนไว้บนศีรษะ

นางเกล้ามวยผมไม่เป็นเช่นนี้ เว่ยฉงซีจึงมั่นใจเต็มร้อยว่านางไม่ใช่ซือลั่วที่น่ารังเกียจคนก่อนอย่างแน่นอน เขากระทั่งสงสัยไปแล้วว่านางไม่ใช่คนในยุคนี้ ไม่เช่นนั้นเหตุใดแม้แต่การมวยผมก็ยังทำไม่ได้

เว่ยฉงซีกำลังคิดอยู่จู่ ๆ ก็ได้ยินซือลั่วกล่าวว่า “ให้ข้าซื้อตำราให้เจ้าอ่านสักสองสามเล่มดีหรือไม่”

ซือลั่วรู้สึกว่าเว่ยฉงซีคงรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างแท้จริง

เว่ยฉงซีส่ายหัว "ในตำราล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง ยิ่งไปกว่านั้น คนไร้ประโยชน์เช่นข้าไม่ต้องอ่านตำราจะเป็นการดีที่สุด”

ซือลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้นเจ้าเล่าเรื่องราวในกองทัพให้ข้าฟังได้ไหม หรือจะเล่าเรื่องราวของต้าโจวก็ได้ ข้าก็ค่อนข้างเบื่อหน่ายเช่นกัน”

เว่ยฉงซีรู้ว่านางทำเช่นนี้เพราะต้องการที่จะสืบข่าว

หึ เจ้าจิ้งจอกน้อย!

เขาไม่ได้เปิดโปงนางและพยักหน้า "แต่ตอนนี้ข้าหิวมาก"

"เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะไปทำ" ซือลั่วถูกเว่ยฉงซีเบี่ยงเบนความสนใจไปแล้ว

“มีอาหารอะไรที่ไม่ค่อยได้พบเห็นไหม” เขาถาม

ซือลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “แป้งไข่ไก่ใส่ต้นหอมเป็นอย่างไร”

"ได้" เว่ยฉงซีรู้ดีว่าอาหารที่ซือลั่วทำจะต้องอร่อยอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน