ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 61

ซือลั่วมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดโดยที่ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ใช้คำเรียกขานว่า “ภรรยา” ที่ทำให้คนขนลุกชูชันจริง ๆ

เว่ยฉงซีมองไปทางช่างไม้หลี่จากหางตาและเห็นว่าเขาตกตะลึงจนเงินในมือทั้งหมดร่วงตกลงไปบนพื้นเสียแล้ว

ป้าไช่ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างเช่นเดียวกันจึงเก็บเงินขึ้นมาแล้วผลักเขา “เจ้าลูกชายบ้านหลี่คนที่สาม”

ป้าไช่ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าช่างไม้หลี่มีความคิดอะไร หากซือลั่วไม่ได้แต่งงาน ช่างไม้หลี่ก็ยังมีความเป็นไปได้ ทว่าคนเขาแต่งงานไปแล้ว แม้สามีจะพิการแต่ก็คงจะไร้วาสนาเสียแล้ว

ช่างไม้หลี่ได้สติกลับมา เขาจ้องซือลั่วสักพักแล้วจึงค่อยมองไปทางเว่ยฉงซี 

นางแต่งงานแล้วและสามีก็ยังพิการอีกด้วย...

ชั่วขณะนั้นช่างไม้หลี่ไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ได้ ป้าไช่ได้เรียกเขาอีกครั้ง เขาถึงได้สติกลับมาด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น

"อ้อ!"

เขาตอบรับหนึ่งครั้งและรับเงินมา พร้อมกับยืนนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาอยู่ด้านข้าง

ป้าไช่ถึงได้ลอบถอนใจด้วยความโล่งอก

ซือลั่วไม่ได้คิดอะไรหยุมหยิมนัก นางคิดว่าเว่ยฉงซีอาจจะคำนึงว่ากำลังเผชิญหน้ากับคนนอกอยู่ถึงได้เรียกนางเช่นนี้

นางรีบต้อนรับป้าไช่กับคนอื่นให้ดื่มน้ำและจะเตรียมหั่นเนื้อเพื่อมาห่อเกี๊ยว ในบ้านไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานมากเสียแล้ว

“ท่านป้า ครานี้ต้องขอบคุณพวกท่านอย่างมาก วันนี้ก็อยู่กินเกี๊ยวที่บ้านข้าก่อนเถิด” ซือลั่วกล่าวด้วยร้อยยิ้ม

ครานี้ป้าไช่ยังนำไข่ไก่มาตะกร้าหนึ่ง พืชผักจำนวนหนึ่ง แม้กระทั่งสตรอเบอร์รี่ป่าก็ยังมี ซือลั่วไม่ทราบเช่นกันว่าราคาเท่าใด ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงควักเงินออกมามอบให้ป้าไช่ห้าสิบเหวิน

ป้าไช่โบกไม้โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า "มากเกินไป แค่พืชผักจากครอบครัวชาวนามันไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากนัก”

ซือลั่วจึงกล่าว "ไม่มากหรอก ข้ายังต้องขอบคุณท่านป้าอีกที่มาส่งของให้พวกเราตั้งแต่เช้าตรู่”

นางพูดจามีพิธีรีตองไม่ค่อยเป็นนักและซือลั่วก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเงินอีกด้วย นางชอบหาเงิน เมื่อหาได้แล้วก็ชอบที่จะเสพสุข ในความคิดของนาง แทนที่จะใช้เงินอย่างประหยัดไม่สู้หาให้มากขึ้นอีกหน่อยจึงจะมีความหมาย นางไม่รู้จักใครในตำบลหย่วนซาน ป้าไช่กับหลิวต้าจู้มีนิสัยใจคอไม่เลว ควรค่าแก่การผูกมิตรสนิทสนม ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของที่พวกเขานำมาก็มีไม่น้อย

ช่างไม้หลี่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซือลั่วไม่ได้คุ้นเคยกับเขาจึงไม่มีอะไรจะพูดด้วยเป็นธรรมดา

ป้าไช่รีบกล่าวว่า "พวกเราถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนลูกชายด้วยเช่นกัน”

เมื่อซือลั่วได้ยินป้าไช่เอ่ยถึงบุตรชายอีกครั้ง นางก็จำได้ว่าเขาทำงานอยู่ในเมือง

เมื่อเห็นความประหลาดใจของซือลั่ว ป้าไช่จึงพูดว่า "มีคนมาพูดคุยเรื่องการแต่งงานกับพวกเขาสองพี่น้อง แม่นางทั้งสองเป็นพี่น้องจากสกุลถังล้วนก็เป็นคนสกุลจ้าวจากหมู่บ้านข้างเคียงจึงต้องการไปดูหน้าค่าตากันเสียหน่อยในวันรุ่งขึ้น”

ป้าไช่กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นางเป็นหญิงหม้ายที่เลี้ยงดูหลิวต้าจู้และหลิวเซินมาด้วยตัวคนเดียว สามารถเลี้ยงพวกเขาจนเติบใหญ่ได้ก็ไม่เลวแล้ว หลิวต้าจู้อายุยี่สิบกว่าแล้วอีกไม่นานก็คงต้องครองโสด แต่ครอบครัวไม่สามารถหาเงินได้มากมายถึงเพียงนั้น

ซือลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า "หลิวเซินทำงานอยู่ที่ใดหรือ”

เมื่อป้าไช่กล่าวถึงตรงนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏในดวงตา “เป็นเด็กรับใช้ในหอเทียนเซียง แม้ว่าจะลำบากไปหน่อยแต่ก็สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้”

หอเทียนเซียง?

ซือลั่วกลืนน้ำลาย คิดในใจว่าคงไม่ใช่หนึ่งในสองคนที่ต้อนรับนางในวันนั้นหรอกนะ

“ท่านป้า พวกท่านนั่งลงก่อน ข้าจะไปซื้อเนื้อมาเสียหน่อย”

"ไม่ต้องหรอก พวกเราจะไปแล้วละ" ป้าไช่โบกมืออย่างรีบร้อน “ประเดี๋ยวหอเทียนเซียงก็จะยุ่งแล้ว”

ซือลั่วก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น จึงไม่ได้รั้งให้เขาอยู่ต่อ

"ใช่สิท่านป้า พี่จ้าจู้ซ่อมหลังคาได้หรือไม่” ซือลั่วถาม

เว่ยฉงซีกระแอมกระไอทีหนึ่งแล้วจึงกล่าว “ภรรยา ข้ากระหายน้ำ”

ซือลั่วมองไปที่ถ้วยชาและกาน้ำที่อยู่ข้างมือเขาแล้วคิดไปว่าเขาคงอยากจะพิสูจน์ตนเอง จึงรินน้ำให้เขาหนึ่งถ้วย

จากนั้นก็หันกายกลับมามองป้าไช่แล้วถามอีกครั้ง

ป้าไช่จึงกล่าว "ได้ ลูกชาวนาไม่ต้องพูดถึงการซ่อมหลังคาเลย ต่อให้สร้างบ้านก็ยังได้ หลังคาบ้านเจ้ารั่วหรือ"

ซือลั่วพยักหน้า "ห้องรับรองแขกน้ำรั่วเมื่อวานนี้ ไม่ทราบว่าพี่ต้าจู้สามารถช่วยซ่อมแซมหลังคาบ้านข้าได้หรือไม่ ข้าจะจ่ายค่าแรงแน่นอน”

ป้าไช่กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "พูดถึงเรื่องเงินอะไรกันเล่า หลิวต้าจู้มีเวลาอีกมาก ประเดี๋ยวกลับมาแล้วจะให้เขาซ่อมให้เจ้า”

ซือลั่วจึงยิ้มและพูดว่า "ขอบคุณท่านป้า”

หลังจากที่ป้าไช่และคนอื่น ๆ จากไปแล้ว ซือลั่วจึงรีบเข็นรถเข็นมา “ลองที่นั่งอันใหม่หน่อยไหม”

เว่ยฉงซีมองดูรถเข็นคันนั้น แม้ว่าจะเกลียดช่างไม้หลี่อย่างมาก ทว่าฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องหาเรื่องกับของที่ซื้อมาด้วยเงิน

เว่ยฉงซีปีนขึ้นไปบนรถเข็นด้วยตัวเอง เขาลองหมุนด้วยตัวเอง มันดีกว่าตัวก่อนของเขามากโข ทั้งยังประหยัดแรงมากอีกด้วย

ซือลั่วมองเขาด้วยดวงตาวิววับ "ท่ายอ๋องน้อย หมุนสองรอบซิ”

เว่ยฉงซีรู้สึกขบขันเล็กน้อย ทว่าก็ยังเข็นมันไปสองรอบ ตัวซือลั่วเองก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันจนเข็นเว่ยฉงซีอยู่ในลานบ้านไปเสียหลายรอบ

ทั้งสองเดินเตร็ดเตร่อยู่สักพักจนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ซือลั่วจึงชงชาดอกเบญจมาศแล้วยื่นให้เว่ยฉงซี เว่ยฉงซีรับมาจิบไปอึกหนึ่งและพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ

ซือลั่วนั่งลง คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ประเดี๋ยวตัดธรณีประตูออกกันเถอะ”

เว่ยฉงซีเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร แต่เขาก็พูดว่า "เจ้ารู้หน้าที่ของธรณีประตูหรือไม่"

ซือลั่วส่ายหัว "ไม่รู้"

เว่ยฉงซีหรี่ตา

ซือลั่วรู้สึกร้อนตัว "ข้าไม่ค่อยได้ออกบ้านบ่อยนัก...”

“ในบ้านก็ไม่มีธรณีประตูสินะ” เว่ยฉงซีถาม

ซือลั่ว "..."

นางกำลังคิดอยู่ว่าจะอธิบายอย่างไรดี แต่เว่ยฉงซีไม่ถามต่อแล้ว เขากล่าว “ธรณีประตูในจวนของตระกูลผู้มั่งมีนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกฐานะ หากธรณีประตูยิ่งสูงสถานะก็ยิ่งสูงส่ง คนธรรมดาทั่วไปนั้น...”

เขาชี้ไปที่ธรณีประตู "หากโค่นมันลง ข้าจะเข้าออกได้สะดวกก็จริง แต่จะมีลมพัดเข้ามาด้านในได้ ทั้งมดหนูงูแมลงก็จะวิ่งเข้ามาได้เช่นกัน”  

ซือลั่วพยักหน้า "เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบ"

"ไม่เป็นไร วันเวลายังอีกยาวไกล พวกค่อย ๆ เรียนรู้กันไป"

ซือลั่วรู้สึกว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดียามที่พูดถึงสิ่งนี้

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากได้ยินเรื่องราวของต้าโจวหรือ” เว่ยฉงซีถามขึ้นอย่างกะทันหัน

ซือลั่วพยักหน้า แน่นอนว่านางต้องการที่จะทราบเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้าโจว

เว่ยฉงซีกล่าว "ต้าโจวนั้นตั้งอยู่ในที่ราบตอนกลาง ทางตอนเหนือติดกับอาณาจักรจินที่ก่อตั้งโตยชาวหู ทางตะวันตกติดกับซีอวี้ซึ่งมีชนเผ่าน้อยใหญ่ถึงสามสิบหกชนเผ่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ยังมีชนกลุ่มน้อยอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนที่ติดกับทางตะวันออกเฉียงใต้เป็นอาณาเขตของหนานเยว่

กษัตริย์แห่งต้าโจวมีสกุลนามว่าหลี่ โอรสของพระองค์มีมากมาย ในปีแรก ๆ ที่ฮองเฮาได้ให้กำเนิดโอรสองค์โตและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท น่าเสียดาย...”

เมื่อเว่ยฉงซีกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก แววตาที่ลุ่มลึกเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เมื่อหยุดไปชั่วครู่เขาจึงกล่าว "ยามที่องค์รัชทายาทประกอบพิธีเซ่นไหว้ได้ตกลงมาจากแท่นบูชาจนขาหัก แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่ได้ปลดรัชทายาท แต่ใครที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็รู้ดีว่ารัชทายาทที่พิการไม่มีทางที่จะขึ้นครองบัลลังก์ได้ ดังนั้นพระโอรสองค์อื่น ๆ ขององค์จักรพรรดิจึงเริ่มเคลื่อนไหว ผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนเหล่านั้นคือจิ้นอ๋องหลี่ฉงเหยียนบุตรของโจวกุ้ยเฟย และยังมีเย่าอ๋องหลี่ฉงหลินบุตรของซูเฟย”

ซือลั่วพยักหน้าและฟังต่อไป

ดูเหมือนว่าเว่ยฉงซีจะไม่อยากพูดถึงเรื่องราวในราชวังของต้าโจวมากนัก จึงเปลี่ยนมากล่าวถึงเรื่องราวของซีเป่ยแทน “คราก่อนที่เจ้าบอกว่าจะไปจากที่นี่กับข้า ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าว่าเหตุใดจึงไม่สามารถจากไปได้”

ซือลั่วเงยหน้าขึ้นมองเว่ยฉงซีด้วยความตกตะลึง เว่ยฉงซีฉงซีกล่าวพร้อมกับมองหน้านางไปด้วย “เสด็จพ่อของข้ากับจักรดิพรรดิองค์ปัจจุบันหลี่ซื่อซิ่วเติบโตมาด้วยกัน หลี่ซื่อซิ่วไม่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิองค์ก่อนจึงถูกส่งให้ไปปกครองศักดินาที่แคว้นจิ้นตั้งแต่น้อย”

บิดาข้าเป็นผู้ที่ช่วยเหลือเขาสั่งสมทรัพย์สมบัติและกองทัพ ยามที่อดีตจักรพรรดิทรงพระประชวรอย่างหนักก็ช่วยเขาตีบุกเข้าไปยังหลานจิง ทำการควบคุมพระราชวัง ให้เขาได้ครองบัลลงก์ 

หลี่ซือซิ่วบอกว่าต้องการเสวยสุขกับความรุ่งโรจน์ร่วมกับเสด็จพ่อของข้า แต่เสด็จพ่อกลับไม่สนใจในอำนาจ เขาเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับมารดาของข้าไปจนแก่เฒ่าเท่านั้น ดังนั้นจักรพรรดิจึงได้แต่งตั้งเขาเป็นซีเป่ยอ๋องผู้ปกครองซีเป่ย  

ในช่วงหลายทศวรรษที่เสด็จพ่อยังมีชีวิตอยู่ได้สู้รบกับอาณาจักรจินทางตอนเหนือ พิทักษ์ซีอวี้ทางตะวันตก ต่อต้านอนารยชนทางตอนใต้ ป้องกันแคว้นหนานเยว่จากทางตะวันออก รบทัพจับศึกจนนับไม่ถ้วนจึงสามารถรักษาความสงบสุขให้กับซีเป่ยได้ ซึ่งก็ทำให้อาณาจักรอื่นๆ ไม่กล้ารุกรานเข้ามาในต้าโจวอีกด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน