ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 64

ไม่ทันได้คำนึงถึงทางฝั่งของเว่ยฉงซี อย่างไรเสียนางก็ต้องพึ่งพาตนเองให้ได้จึงจะดี

ทำสิ่งใดก็ล้วนหนีไม่พ้นเรื่องเงิน...

ซือลั่วยิ้มอย่างสดใส "ข้าทำขนมอบเป็นนิดหน่อย หากเถ้าแก่หาอาจารย์ที่ทำขนมได้ดีไม่พบ จะให้ข้าลองดูสักหน่อยได้หรือไม่”

เจ้าสามผงะและมองไปที่ซือลั่วด้วยความประหลาดใจอย่างมาก "ท่าน?"

ซือลั่วไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านขนม แต่นางก็ทำขนมเป็นไม่น้อย ในปีนั้นนางยังเคยได้เรียนรู้อย่างจริงจังอยู่หลายวัน อีกทั้งนางยังมีความคิดอื่นอีกด้วย เดิมทีไม่ได้คิดที่จะดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงบทสนทนากับเว่ยฉงซีในยามสาย นางจึงตัดสินใจว่าลงมือเร็วหน่อยจะดีกว่าหากชักช้าจะไม่ทันการ

“ท่านเถ้าแก่ ให้ข้าลองดูก่อนก็ได้ หากทำสำเร็จก็ให้เก็บไว้ หากใช้ไม่ได้ล่ะก็ มากที่สุดท่านก็แค่สูญเสียของกินไปจำนวนหนึ่ง อย่างมากข้าก็แค่จ่ายค่าชดเชยให้ท่าน”

เจ้าสามรู้เรื่องที่ซือลั่วขายสูตรอาหารให้หอจวี้เซียน แต่บอกไม่ได้ว่านางมีวิธีการอันใดกันแน่ นอกจากนี้ตั้งแต่ที่ได้ติดต่อกับนางครั้งสองครั้งก็รู้สึกว่านางแตกต่างไปจากที่คนอื่นเล่าลือกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเหมือนกับเจ้าสี่ที่ไม่ชอบไปโดยสัญชาตญาณ

เมื่อเห็นว่าแผนการในตอนนี้เป็นไปอย่างราบรื่น เขาจึงพยักหน้าอย่างแข็งขันทันที "เช่นนั้นก็ลองดู"

ซือลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ป้าไช่ฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดคำนวนเรื่องการค้าขาย จึงอดที่จะมองซือลั่วด้วยสายตาที่ทึ่งไม่ได้ นางกล่าวอย่างให้กำลังใจว่า “ซือลั่ว ตั้งใจทำดี ๆ ล่ะ”

ป้าไช่สูญเสียสามีไปตั้งนานแล้ว ลูก ๆ ที่ยังเล็กก็ถูกผู้คนไม่น้อยรังแก ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใดนางก็ต้องเอาตัวรอดด้วยการพึ่งพาตนเองเพียงลำพังทั้งสิ้น นับวันจึงยิ่งเข้าใจว่าการเป็นผู้หญิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ซือลั่วไร้ญาติขาดมิตรและต้องดูแลสามีที่พิการเพียงลำพัง ทั้งยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพื่อประทังชีวิตไปเรื่อย ๆ อีก นางยากลำบากกว่าตัวนางนัก ฉะนั้นนางจึงมีความรู้สึกเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน เมื่อเห็นซือลั่วก็เหมือนมองเห็นตนเองในอดีตที่ไม่ยอมแพ้

ด้วยเหตุนี้ป้าไช่จึงดูแลซือลั่วดีเป็นพิเศษ ในขณะนี้ที่นางได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ นางไม่เหมือนกับสตรีคนอื่นที่คิดว่าการปรากฏตัวในวงสังคมนั้นไม่งาม แต่กลับชื่นชมในความกล้าหาญของนาง

ที่ว่ากันว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์นั้นที่จริงก็มีเหตุผลอย่างมาก ซือลั่วมีความประทับใจในตัวป้าไช่อย่างมาก ในตอนนี้นางได้สนับสนุนนางอีก นางจึงมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

"ในเมื่อที่ร้านขายเค้กถั่วแดงมากมายถึงเพียงนี้ คิดว่าจะต้องเหลือถั่วแดงไม่น้อย ข้าทำเค้กถั่วแดงไม่เป็น ดังนั้นข้าจะทำถั่วแดงกวนแล้วกัน” ซือลั่วกล่าว

“ถั่วแดงกวน?” เจ้าสามหรี่ตา

ซือลั่วรู้สึกว่าที่นางสามารถมั่นใจได้ถึงเพียงนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์

ยกตัวอย่างเช่นเค้กถั่วแดงที่เว่ยฉงซีชอบกิน ซือลั่วรู้สึกว่ามันเป็นการทำลายของอย่างเปล่าประโยชน์เสียจริง ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ ถั่วแดงดี ๆ พอนวดเข้าไปในแป้งแล้วนึ่งออกมาทั้งแบบนั้น เมื่อรู้สึกได้ว่าอาหารที่เข้าปากไม่อร่อยก็ไม่อยากกินแล้ว อีกทั้งน้ำตาลในยุคนี้แพง ผู้คนจึงได้รับอิทธิพลทางความคิดว่ายามที่กินขนมจะต้องกินอันที่หวาน เค้กถั่วแดงที่ทำออกมาจึงหวานเลี่ยนจนกลบความอร่อยแบบดั้งเดิมของถั่วแดงไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเดิมทีน้ำตาลก็มีราคาแพงอยู่แล้ว เค้กถั่วแดงที่ทำด้วยวิธีนี้จึงยิ่งมีราคาแพงเข้าไปอีก ดังนั้นชาวบ้านยากจนทั่วไปจึงไม่มีทางที่จะได้กินของหวาน จะมีเพียงคนที่ร่ำรวยจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่กินได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าคนรวยก็คงจะไม่ซื้อเค้กถั่วแดงที่หวานจนเลี่ยนนี้กินไปตลอดทั้งวันหรอก

เจ้าสามรู้ว่าซือลั่วกำลังท้าทายพวกเขาอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าเน้นขายเค้กถั่วแดงเป็นหลักหรอกหรือ เช่นนั้นข้าจะทำเค้กจากถั่วแดงมาเทียบกับเจ้าเสียหน่อย ผลจะเป็นเช่นไรเดี๋ยวได้รู้กัน

ทันใดนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความสนใจในภรรยาตัวน้อยของนายท่านอย่างมาก

เมื่อนำซือลั่วเข้าไปในครัวแล้ว เจ้าสามก็กำลังจะออกไป ซือลั่วรู้ถึงความสำคัญของสูตรอาหารลับในยุคนี้จึงไม่ได้รั้งเขาไว้ รอจนในครัวมีแค่นางเพียงคนเดียวนางจึงได้เริ่มลงมือทำถั่วแดงกวน

ขั้นแรกให้ทำแป้งชั้นนอกก่อน โดยใช้มือนวดแป้งจนกลมเนียน ปิดฝาแล้วปล่อยให้แป้งขึ้นฟูประมาณหนึ่งเค่อ* จากนั้นนำผงแป้งกับน้ำมันหมูมาทำแป้งกรอบ โดยใช้มือนวดแป้งจนกลมเนียน แล้วปิดฝาเพื่อรักษาความสดใหม่แล้วรอให้แป้งขึ้นฟูอีกประมาณหนึ่งเค่อ (หนึ่งเค่อ เทียบเท่ากับ สิบห้านาทีโดยประมาณ)

หลังจากที่แป้งขึ้นฟูเรียบร้อยแล้ว ซือลั่วก็แบ่งก้อนแป้งออกเป็นยี่สิบส่วน หยิบชิ้นก้อนแป้งชั้นนอกที่แบ่งออกมาหนึ่งชิ้น คลึงให้แบนเพื่อห่อแป้งกรอบหนึ่งส่วน เมื่อห่อเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบก้อนแป้งที่ห่อแป้งกรอบเรียบร้อยแล้วขึ้นมา ใช้ไม้นวดแป้งคลึงให้เป็นรูปลิ้นวัวแล้วม้วนจากบนลงล่าง ใช้ฝ่ามือกดลงไปและคลึงให้กลมด้วยไม้นวดแป้ง จากนั้นจึงห่อไส้ถั่วแดงกวนและใช้มือค่อย ๆ กดคลึงให้เป็นเปี๊ยะทรงกลม ใช้แปรงทาไข่ลงบนผิวแป้ง โรยเมล็ดงา แล้วใส่เข้าเตาอบ

ในยุคนี้ไม่มีเตาอบแต่มีเตาอบแบบบ้าน ๆ ซือลั่วที่กังวลว่าจะคุมระดับความร้อนได้ไม่ดีจึงคอยเฝ้าตรวจสอบไฟอยู่ตลอด

จานแรกอบได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซือลั่วลองกินดู มันเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำ ดูเหมือนจะหวานกว่าเล็กน้อย อาจมีสาเหตุเพราะถั่วแดงจากยุคโบราณค่อนข้างดี

หลังจากที่จานแรกประสบความสำเร็จ ซือลั่วก็เริ่มมีความมั่นใจและอบส่วนที่เหลือทั้งหมด

แม้ซือลั่วจะยังไม่ออกมา แต่เจ้าสามก็ได้กลิ่นหอมหวานโชยมาแล้ว รอจนนางออกมาพร้อมกับยกถั่วแดงกวนที่กรอบอย่างยิ่งทั้งยังมีสีสันดึงดูดใจผู้คน เจ้าสามก็แทบจะอดใจรอไม่ไหว

ซือลั่วหยิบจานห้าใบมอบให้เจ้าสาม นอกจากที่นางกินไปแล้วหนึ่งอันก็ยังเหลืออยู่อีกสิบสี่อัน นางหากระดาษห่อของทางร้านอย่างไม่เกรงใจ โดยห่อไปสองห่อ ห่อละห้าชิ้น จากนั้นผูกปมอย่างสวยงาม แล้ววางมันไว้ด้านข้าง ส่วนอีกสี่ชิ้นที่เหลือก็ใช้กระดาษน้ำมันห่อไปโดยตรง

เจ้าสามกินไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแรกคืออร่อย หอมหวานกรุบกรอบ ทั้งยังละลายในปาก รสชาติของถั่วแดงก็เต็มปากเต็มคำ โดยเฉพาะถั่วแดงกวนที่เพิ่งออกจากกระทะซึ่งยังมีไอร้อนอยู่ เมื่อผนวกเข้ากับความกรอบและความหอมกรุ่นจากน้ำมันพืชจึงยิ่งมีรสเลิศขึ้นไปอีก

หลังจากที่เจ้าสามอดใจไม่ไหวจนกินหมดไปหนึ่งอัน แต่ก็ยังไม่ได้ลืมธุระของตนเอง

“แม่นาง เจ้าไปเรียนรู้สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน”

ซือลั่วกล่าว "เห็นมาจากหนังสือโบราณเล่มหนึ่งน่ะ ทั้งยังมีอีกมากมาย...”

นางละครึ่งประโยคหลังไว้และไม่พูดอะไรอีก

ซือลั่วอายุเพียงสิบห้าปีและหน้าตางดงาม เมื่อเจ้าสามเห็นท่าทางที่ดูเจ้าเล่ห์ของนางก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไร แต่กลับรู้สึกว่าค่อนข้างน่ารักอีกด้วย

“เถ้าแก่เหยา ส่วนที่เหลือข้าของจ่ายตามราคาจริงได้หรือไม่” นางถาม

เจ้าสามพยักหน้า "ไม่ต้องซื้อ ข้ามอบให้เจ้า"

ซือลั่วส่ายหัว "ไร้ผลงานก็ไม่ควรได้รางวัล ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”

นางควักเงินออกมาจ่ายในราคาเดียวกันกับเค้กถั่วแดง จากนั้นจึงมองไปทางเจ้าสาม

เจ้าสามยิ้มและพูดว่า "เจ้าผ่านแล้ว"

ซือลั่วเต็มไปด้วยความปิติยินดี แต่นางไม่ได้วางแผนที่จะมาเป็นอาจารย์ทำขนมที่นี่ ยามที่อยู่ต่อหน้าป้าไช่ แน่นอนว่านางไม่สามารถพูดความคิดของตนออกมาได้ ดังนั้นจึงกล่าวแค่ว่า “ข้าจำเป็นต้องกลับไปแจ้งสามีเสียหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจร่วมมือกัน”

เจ้าสามผงะและคิดในใจว่านายท่านสำคัญต่อเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ทว่าเขาก็พยักหน้า "ข้าจะรอฟังข่าวดี"

ซือลั่วบรรลุเป้าหมายแล้ว นางคาดการณ์ว่าหลังคาบ้านคงซ่อมแซมไปจวนจะเสร็จแล้ว นางจึงออกมากับป้าไช่ และยื่นขนมสองห่อที่ห่อเรียบร้อยแล้วให้ป้าไช่ “ท่านป้า พรุ่งนี้พี่ใหญ่หลิวกับพี่รองหลิวต้องไปดูตัว นำสิ่งนี้ไปจะดีที่สุด อีกหนึ่งห่อที่เหลือท่านกินกับพี่ใหญ่หลิวและพี่รองหลิวเถิด คิดเสียว่าเป็นน้ำใจจากข้า”

ป้าไช่โบกไม้โบกมืออย่างร้อนรน "จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร...”

นางมองไปทางซือลั่วพร้อมกับควักเงินออกมา ถั่วแดงกวนหนึ่งอันราคาสิบเหวินราคาเท่าไก่ครึ่งตัวแล้ว ทั้งสองห่อนี้ก็ปาเข้าไปร้อยเหวิน นางจะรับไว้ได้อย่างไร

“ท่านป้าคิดเสียว่าเป็นเงินค่าแรงที่ข้าให้พี่ใหญ่หลิวและพี่รองหลิวก็แล้วกัน ถ้าท่านไม่ต้องการภายหลังข้าก็จะไม่ไปรบกวนพวกท่านอีก และ...”

นางจงใจกระพริบตาปริบ ๆ "พอมีสิ่งนี้ เมื่อแม่นางเหล่านั้นได้กินอย่างมูมมามแล้ว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะแต่งให้พี่ใหญ่หลิวและพี่รองหลิวเลยก็เป็นได้”

แม้ว่าป้าไช่จะไม่อยากรับไว้ แต่บ้านก็ไม่มีของขวัญมีค่าอะไรที่จะมอบให้ได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ได้เพียงพยักหน้า และยังพึมพำอีกว่า “ซือลั่ว เช่นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าเป็นคนทำ แต่เถ้าแก่นั่นก็ยังขายแพงถึงเพียงนี้อีก...”

ซือลั่วรู้ว่านิสัยเก่าของนางกำเริบอีกแล้ว จึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ท่านป้า นี่เป็นกฎ หากข้าให้เงิน ก็จะแสดงให้เห็นคุณค่าในสิ่งของของข้าไม่ได้”

ป้าไช่ไม่เข้าใจ ทว่านางรู้สึกว่าซือลั่วเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงไม่ได้พูดมากอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน