ไม่ทันได้คำนึงถึงทางฝั่งของเว่ยฉงซี อย่างไรเสียนางก็ต้องพึ่งพาตนเองให้ได้จึงจะดี
ทำสิ่งใดก็ล้วนหนีไม่พ้นเรื่องเงิน...
ซือลั่วยิ้มอย่างสดใส "ข้าทำขนมอบเป็นนิดหน่อย หากเถ้าแก่หาอาจารย์ที่ทำขนมได้ดีไม่พบ จะให้ข้าลองดูสักหน่อยได้หรือไม่”
เจ้าสามผงะและมองไปที่ซือลั่วด้วยความประหลาดใจอย่างมาก "ท่าน?"
ซือลั่วไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านขนม แต่นางก็ทำขนมเป็นไม่น้อย ในปีนั้นนางยังเคยได้เรียนรู้อย่างจริงจังอยู่หลายวัน อีกทั้งนางยังมีความคิดอื่นอีกด้วย เดิมทีไม่ได้คิดที่จะดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงบทสนทนากับเว่ยฉงซีในยามสาย นางจึงตัดสินใจว่าลงมือเร็วหน่อยจะดีกว่าหากชักช้าจะไม่ทันการ
“ท่านเถ้าแก่ ให้ข้าลองดูก่อนก็ได้ หากทำสำเร็จก็ให้เก็บไว้ หากใช้ไม่ได้ล่ะก็ มากที่สุดท่านก็แค่สูญเสียของกินไปจำนวนหนึ่ง อย่างมากข้าก็แค่จ่ายค่าชดเชยให้ท่าน”
เจ้าสามรู้เรื่องที่ซือลั่วขายสูตรอาหารให้หอจวี้เซียน แต่บอกไม่ได้ว่านางมีวิธีการอันใดกันแน่ นอกจากนี้ตั้งแต่ที่ได้ติดต่อกับนางครั้งสองครั้งก็รู้สึกว่านางแตกต่างไปจากที่คนอื่นเล่าลือกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเหมือนกับเจ้าสี่ที่ไม่ชอบไปโดยสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นว่าแผนการในตอนนี้เป็นไปอย่างราบรื่น เขาจึงพยักหน้าอย่างแข็งขันทันที "เช่นนั้นก็ลองดู"
ซือลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ป้าไช่ฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดคำนวนเรื่องการค้าขาย จึงอดที่จะมองซือลั่วด้วยสายตาที่ทึ่งไม่ได้ นางกล่าวอย่างให้กำลังใจว่า “ซือลั่ว ตั้งใจทำดี ๆ ล่ะ”
ป้าไช่สูญเสียสามีไปตั้งนานแล้ว ลูก ๆ ที่ยังเล็กก็ถูกผู้คนไม่น้อยรังแก ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใดนางก็ต้องเอาตัวรอดด้วยการพึ่งพาตนเองเพียงลำพังทั้งสิ้น นับวันจึงยิ่งเข้าใจว่าการเป็นผู้หญิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ซือลั่วไร้ญาติขาดมิตรและต้องดูแลสามีที่พิการเพียงลำพัง ทั้งยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพื่อประทังชีวิตไปเรื่อย ๆ อีก นางยากลำบากกว่าตัวนางนัก ฉะนั้นนางจึงมีความรู้สึกเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน เมื่อเห็นซือลั่วก็เหมือนมองเห็นตนเองในอดีตที่ไม่ยอมแพ้
ด้วยเหตุนี้ป้าไช่จึงดูแลซือลั่วดีเป็นพิเศษ ในขณะนี้ที่นางได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ นางไม่เหมือนกับสตรีคนอื่นที่คิดว่าการปรากฏตัวในวงสังคมนั้นไม่งาม แต่กลับชื่นชมในความกล้าหาญของนาง
ที่ว่ากันว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์นั้นที่จริงก็มีเหตุผลอย่างมาก ซือลั่วมีความประทับใจในตัวป้าไช่อย่างมาก ในตอนนี้นางได้สนับสนุนนางอีก นางจึงมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
"ในเมื่อที่ร้านขายเค้กถั่วแดงมากมายถึงเพียงนี้ คิดว่าจะต้องเหลือถั่วแดงไม่น้อย ข้าทำเค้กถั่วแดงไม่เป็น ดังนั้นข้าจะทำถั่วแดงกวนแล้วกัน” ซือลั่วกล่าว
“ถั่วแดงกวน?” เจ้าสามหรี่ตา
ซือลั่วรู้สึกว่าที่นางสามารถมั่นใจได้ถึงเพียงนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์
ยกตัวอย่างเช่นเค้กถั่วแดงที่เว่ยฉงซีชอบกิน ซือลั่วรู้สึกว่ามันเป็นการทำลายของอย่างเปล่าประโยชน์เสียจริง ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ ถั่วแดงดี ๆ พอนวดเข้าไปในแป้งแล้วนึ่งออกมาทั้งแบบนั้น เมื่อรู้สึกได้ว่าอาหารที่เข้าปากไม่อร่อยก็ไม่อยากกินแล้ว อีกทั้งน้ำตาลในยุคนี้แพง ผู้คนจึงได้รับอิทธิพลทางความคิดว่ายามที่กินขนมจะต้องกินอันที่หวาน เค้กถั่วแดงที่ทำออกมาจึงหวานเลี่ยนจนกลบความอร่อยแบบดั้งเดิมของถั่วแดงไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเดิมทีน้ำตาลก็มีราคาแพงอยู่แล้ว เค้กถั่วแดงที่ทำด้วยวิธีนี้จึงยิ่งมีราคาแพงเข้าไปอีก ดังนั้นชาวบ้านยากจนทั่วไปจึงไม่มีทางที่จะได้กินของหวาน จะมีเพียงคนที่ร่ำรวยจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่กินได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าคนรวยก็คงจะไม่ซื้อเค้กถั่วแดงที่หวานจนเลี่ยนนี้กินไปตลอดทั้งวันหรอก
เจ้าสามรู้ว่าซือลั่วกำลังท้าทายพวกเขาอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าเน้นขายเค้กถั่วแดงเป็นหลักหรอกหรือ เช่นนั้นข้าจะทำเค้กจากถั่วแดงมาเทียบกับเจ้าเสียหน่อย ผลจะเป็นเช่นไรเดี๋ยวได้รู้กัน
ทันใดนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความสนใจในภรรยาตัวน้อยของนายท่านอย่างมาก
เมื่อนำซือลั่วเข้าไปในครัวแล้ว เจ้าสามก็กำลังจะออกไป ซือลั่วรู้ถึงความสำคัญของสูตรอาหารลับในยุคนี้จึงไม่ได้รั้งเขาไว้ รอจนในครัวมีแค่นางเพียงคนเดียวนางจึงได้เริ่มลงมือทำถั่วแดงกวน
ขั้นแรกให้ทำแป้งชั้นนอกก่อน โดยใช้มือนวดแป้งจนกลมเนียน ปิดฝาแล้วปล่อยให้แป้งขึ้นฟูประมาณหนึ่งเค่อ* จากนั้นนำผงแป้งกับน้ำมันหมูมาทำแป้งกรอบ โดยใช้มือนวดแป้งจนกลมเนียน แล้วปิดฝาเพื่อรักษาความสดใหม่แล้วรอให้แป้งขึ้นฟูอีกประมาณหนึ่งเค่อ (หนึ่งเค่อ เทียบเท่ากับ สิบห้านาทีโดยประมาณ)
หลังจากที่แป้งขึ้นฟูเรียบร้อยแล้ว ซือลั่วก็แบ่งก้อนแป้งออกเป็นยี่สิบส่วน หยิบชิ้นก้อนแป้งชั้นนอกที่แบ่งออกมาหนึ่งชิ้น คลึงให้แบนเพื่อห่อแป้งกรอบหนึ่งส่วน เมื่อห่อเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบก้อนแป้งที่ห่อแป้งกรอบเรียบร้อยแล้วขึ้นมา ใช้ไม้นวดแป้งคลึงให้เป็นรูปลิ้นวัวแล้วม้วนจากบนลงล่าง ใช้ฝ่ามือกดลงไปและคลึงให้กลมด้วยไม้นวดแป้ง จากนั้นจึงห่อไส้ถั่วแดงกวนและใช้มือค่อย ๆ กดคลึงให้เป็นเปี๊ยะทรงกลม ใช้แปรงทาไข่ลงบนผิวแป้ง โรยเมล็ดงา แล้วใส่เข้าเตาอบ
ในยุคนี้ไม่มีเตาอบแต่มีเตาอบแบบบ้าน ๆ ซือลั่วที่กังวลว่าจะคุมระดับความร้อนได้ไม่ดีจึงคอยเฝ้าตรวจสอบไฟอยู่ตลอด
จานแรกอบได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซือลั่วลองกินดู มันเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำ ดูเหมือนจะหวานกว่าเล็กน้อย อาจมีสาเหตุเพราะถั่วแดงจากยุคโบราณค่อนข้างดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน
ไม่อัพแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลยT^T...
เข้ามารอต่อ....แอดจ๋าาาแซงคิวเรื่องนี้โหน่ยยยย พลีสสสส...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ สนุกมากๆ 🥹🥹...
แอดจ๋าาาต่อได้ไหมคะ พลีสสสสส TT~TT...
รอบนี้เว้นนานจังค่ะ 🥲ติดงอมแงม...
แอดจ๋าาาาาT^T...
เข้ามาส่องทุกวันT_T...
รอตอนใหม่อย่างมีความหวัง...
รออัพเดทตอน pls....
รออัพตอนใหม่ อย่างมีความหวัง 🥹...