ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 67

ซือลั่ววิ่งออกจากสนามพร้อมทั้งหอบหายใจอย่างหนัก แล้วจึงหันกลับไปมองลานบ้านแห่งนั้นและจากไปอย่างรวดเร็ว

นางเดินไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย มองดูกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาแล้วถอนหายใจ

คำพูดของเว่ยฉงซีวนเวียนอยู่ในสมองเต็มไปหมด เมื่อวานนางยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทว่าวันนี้กลับห่อเหี่ยวเหมือนมะเขือยาวที่แช่แข็งนานเกินไป

ในใจรู้สึกทั้งผิดหวังและเศร้าหมอง

สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เคยทำร่วมกันมากับเว่ยฉงซีในก่อนหน้านี้ล้นทะลักเข้าสู่หัวใจ

ซือลั่วถอนหายใจอย่างหนักอีกครั้ง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการที่เว่ยฉงซีสงสัยในตัวตนของนาง

ซือลั่วกำลังใช้สมองอย่างหนักแบบลับ ๆ และไม่ได้มองทางให้ดีจนไปชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง

ชายผู้นั้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาดังลั่นและขมวดคิ้วมองซือลั่วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ

"เป็นเจ้านี่เอง!"

ซือลั่วเงยหน้าขึ้นและรู้สึกว่าคนผู้นี้ดูคุ้นตา จึงจ้องหน้าเขาถึงหนึ่งนาทีเต็ม นางจึงถามอย่างลังเลว่า "เจ้าคือซิ่วไฉจย่า?"

ซิ่วไฉจย่าขมวดคิ้ว เจ้าคนปัญญาอ่อนผู้นี้กำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับอยู่หรือเปล่า ถึงได้แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา

"ซือลั่ว ต่อให้เจ้าทำเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจจากข้า ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่อันธพาลเช่นนี้ก็ได้”

ซิ่วไฉจย่ากล่าวอย่างชอบธรรม

เดิมทีซือลั่วอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อถูกเขากล่าวเช่นนี้ใส่ในขณะนี้ นางก็ยิ้มเยาะทันที “เจ้านี้มันเหมือนนกยูงเฒ่าจริงๆ”

ซิ่วไฉจย่าตกตะลึง "เจ้าหมายความว่าอย่างไร"

"นกยูงเฒ่ารำแพนหางที่คิดเข้าข้างตนเองอยู่ฝ่ายเดียวอย่างไรเล่า”ซือลั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"เจ้า…"

ซิ่วไฉจย่าถูกจัดการจนหน้าแดงสลับขาว หลังจากที่ชี้นิ้วใส่ซือลั่วและพูดเพียงแค่คำว่า “เจ้า” สองสามครั้งก็ได้สติกลับมาจึงกล่าวว่า “ซือลั่ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าเป็นหญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้เจ้าเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์วัยแรกแย้มข้าก็ไม่มีทางชายตาแลเจ้า เจ้าเลิกตามตื้อข้าเสีย ข้ายังต้องกลับไปสำนักศึกษาอยู่”

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยรอบก็สังเกตเห็นสถานการณ์ที่นี่เช่นกันจึงหยุดเดินแล้วรอชม

ซือลั่วชำเลืองมองซิ่วไฉจย่า คนผู้นี้คิดที่จะทำลายชื่อเสียงของนาง

หากเป็นในยามปกติ นางไม่อยากที่จะทะเลาะเบาะแว้งกับบุรุษเป็นแน่ ทว่าในตอนนี้ ซือลั่วถูกเว่ยฉงซีทำให้โมโหอย่างมากแต่ไร้ที่ระบายและซิ่วไฉจย่าก็มาชนเข้ากับปากกระบอกปืนพอดี

“คุณชายท่านนี้ดูไปแล้วท่านก็เหมือนปัญญาชน ความรู้ในตำราเรียนที่ท่านอ่านหายไปไหนหมดแล้วเล่า ข้ากำลังเดินบนถนนอยู่ดีดีท่านก็มาชนข้า หากไม่ขอโทษก็ช่างมันไปเถิด แต่บุรุษร่างใหญ่ทั้งยังเป็นปัญญาชนอีก แต่กลับสามารถพูดคำพูดที่คนทั่วไปทนฟังไม่ได้ออกมาเพื่อทำให้ความบริสุทธิ์ของสตรีผู้หนึ่งต้องแปดเปื้อนได้ นี่มันช่าง...”

เมื่อซือลั่วพูดจบก็กุมหน้าและร้องไห้ออกมาทันที นางร้องไห้จริงๆ เพราะเจ็บคออย่างแท้จริง ลำคอที่ถูกเว่ยฉงซีบีบจวนจะหักอยู่แล้ว อีกทั้งขณะนี้ก็พูดไปมากมายถึงเพียงนี้อีกแล้วจะไม่เจ็บได้อย่างไร”

เมื่อเห็นว่าซือลั่วร้องไห้ ผู้คนรอบข้างก็ตำหนิต่อว่าซิ่วไฉจย่า โดยต่อว่าว่าเขาเป็นคนใจคอคับแคบที่คิดเล็กคิดน้อยแค่กับสตรีผู้หนึ่งและกระทำตนไม่สมกับที่เป็นปัญญาชน

ซิ่วไฉจย่าโกรธจนหน้าซีดไปหมด เขาคาดไม่ถึงว่าซือลั่วจะมองออกว่าเขาจงใจชนนาง มันไม่มีอะไรอื่นเลย แต่เป็นเพราะค่าเสบียงอาหารของซิ่วไฉจย่าหมดลงแล้วและครอบครัวของเขาก็ยากข้นแคล้นจนไม่มีอะไรจะกินแล้วอีก เขาจึงได้คิดที่จะตักตวงผลประโยชน์จากซือลั่วเสียหน่อย เขานึกไปว่าพอเขาปรากฏตัวขึ้นมา แค่อาศัยเสน่ห์ของเขา ซือลั่วก็จะมอบเงินให้เขาอย่างว่าง่ายเมื่อแต่ก่อนเสียอีก

แต่คาดไม่ถึงว่าซือลั่วจะเหน็บแนมเขาขึ้นมาในทันที แต่ก่อนเพียงแค่ซิ่วไฉจย่าขยับนิ้วและใช้แค่สายตา ซือลั่วก็หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ใครจะไปรู้ว่าวันนี้นางจะเปลี่ยนไป ยังไม่ทันได้พูดได้จากันก็เริ่มทะเลาะกับเขาแล้ว เป็นนังแพศยาอย่างแท้จริง ภายภาคหน้านางก็อย่าได้ตั้งตารอให้เขาชายตามองนางแล้วกัน ต่อให้ขอร้องเขา เขาก็ไม่มีทางสนใจหญิงผู้นี้อย่างเด็ดขาด

ซิ่วไฉจย่าเค้นเสียงเย้ยหยัน "ไม่มีความละอายแล้วยังจะมาอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ตัวเองขายหน้าอีก!"

ซือลั่วกุมลำคอด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาไหล นางเงยหน้าขึ้นมองซิ่วไฉจย่า นางเข้าใจดีว่าถึงแม้จะเป็นยุคโบราณแต่ตำแหน่งของสตรีก็ต่ำต้อยด้อยค่าอยู่ดี แม้ว่านางจะมีเหตุผล แต่ขอเพียงแค่นางได้โต้เถียงกับซิ่วไฉจย่า ในไม่ช้าเหตุการณ์นี้ก็จะถูกเปลี่ยนไปตามการเล่าขานของผู้คน

ซือลั่วกลอกตา เงยหน้าขึ้นและพูดว่า "คุณชายผู้นี้ แม้ว่าท่านจะเป็นคนมาชนข้าเอง ข้าก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ หากท่านพูดจาเช่นนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของข้าก็คงจะไม่ดีเสียแล้ว ถ้าหากเหตุการณ์นี้ถูกเล่าลือไปถึงสำนักศึกษา...”

บทที่ 67 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน