ซูเสี่ยวลู่กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเฉียนซื่อ พลางพูดด้วยน้ำเสียงหวานใส “ท่านอาสะใภ้ ท่านเก่งที่สุดเลย ของพวกนี้ดูแล้วน่ากินมากเลย ใช้ทำปลาหรือทำหมูได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ? ท่านแม่ของข้าไม่เคยทำเลย นางจะทำเป็นหรือเปล่านะ?”
เฉียนซื่อที่ชื่นชอบซูเสี่ยวลู่มากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำถามก็ยิ้มเขินเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองจ้าวซื่อ “พี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ให้ข้าช่วยทำอาหารที่นี่ดีไหม?”
นางรู้สึกซาบซึ้งใจที่ซูเสี่ยวลู่เคยช่วยชีวิตลูกชายของตน นอกจากนี้ ซูเสี่ยวลู่ยังเป็นเด็กน่ารัก ว่องไว และเข้าใจอะไรได้ง่าย เด็กน้อยมักมาเล่นกับเจ้าสือเสมอ ด้วยรูปร่างหน้าตาขาวนวลและน่ารัก ทำให้นางยิ่งเอ็นดู
จ้าวซื่อยิ้มพลางพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย วันนี้มากินข้าวที่บ้านข้าเถิด ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสิ่งนี้สามารถทำอาหารได้หลายอย่าง ข้าจะช่วยเป็นลูกมือให้เจ้านะ”
จ้าวซื่อทำอาหารประเภทผักตากแห้งเป็นส่วนใหญ่ นางไม่เคยทำผักดองมาก่อน เพราะในอดีตครอบครัวซูไม่เคยกินผักดอง นางจึงไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้
แต่เมื่อเห็นฝีมือของเฉียนซื่อ และมองดูบุตรสาวที่น้ำลายสออยู่นั้น นางก็คิดว่านางควรเรียนรู้วิธีทำบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวนั้นดีมาก มักจะร่วมรับประทานอาหารด้วยกันในช่วงเทศกาล เฉียนซื่อจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ผักดองเหล่านี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับซูซานหลางและตาเฒ่าอู๋
ทุกคนต่างชื่นชอบในรสชาติของมัน
จ้าวซื่อจึงขอเรียนรู้วิธีทำจากเฉียนซื่อ เพื่อที่นางจะได้ลองทำเองในภายหลัง
ขณะที่ซูเสี่ยวลู่กินอย่างเพลิดเพลิน นางก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเฉียนซื่อว่า “ท่านอาสะใภ้ ข้าว่าท่านสามารถเอาผักดองพวกนี้ไปขายในตลาดในตัวเมืองได้เลยนะ ข้างนอกเขาทำยังไงก็ไม่อร่อยเท่าท่านทำแน่ๆ”
ปีนี้ ครอบครัวเฉินหู่มีที่ดินอยู่ไม่กี่ไร่ แต่เพียงพอที่จะมีกินตลอดปี ในช่วงฤดูเพาะปลูก เฉินหู่ไปรับจ้างทำงานในเมืองหยางเจี่ยว ทำให้มีรายได้เพิ่มมาบ้าง แม้จะพอใช้ชีวิตได้ แต่หากต้องการความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ
ซูเสี่ยวลู่เคยไปเมืองหยางเจี่ยวมาก่อน นางรู้ดีว่าในเมืองนั้นมีทุกอย่างเกือบครบถ้วน ถ้าจะขายของแปลกใหม่ก็คงยาก แต่หากพูดถึงรสชาติแล้ว ฝีมือของเฉียนซื่อไม่มีทางด้อยไปกว่าของใคร
เมื่อซูเสี่ยวลู่พูดเช่นนี้ ซูฉงและซูหวาก็พยักหน้าเห็นด้วย
แม้เฉินหู่และเฉียนซื่อจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดมากนัก แต่จ้าวซื่อและซูซานหลางกลับให้ความสนใจ ทั้งสองตั้งใจว่าจะพูดคุยกับเฉินหู่และเฉียนซื่อในภายหลัง
เนื่องจากคนในบ้านชอบกินผักดองกันอยู่แล้ว วันถัดมาจ้าวซื่อจึงเริ่มเตรียมทำผักดองที่บ้าน และหากจะทำผักดอง ก็ต้องมีไหเก็บ
ซูซานหลางจึงตัดสินใจเดินทางไปเมืองหยางเจี่ยวเพื่อซื้อไหผักดอง
โจวเหิงเดินออกมาขณะนั้น พลางพูดกับซูซานหลางว่า “ลุงซาน ข้ามีธุระบางอย่าง ท่านช่วยพาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
โจวเหิงไม่ค่อยขอร้องอะไรนัก ซูซานหลางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล
หลังจากซูซานหลางพาโจวเหิงออกไปแล้ว จ้าวซื่อก็นำเด็กๆ ไปเก็บผักในไร่
ผักในไร่ของตระกูลซูเติบโตงดงามเสมอ พื้นดินอุดมสมบูรณ์ ผักเขียวแต่ละต้นสดใสชุ่มฉ่ำ ส่วนหัวไชเท้าก็ขาวอวบอ้วนสมบูรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา