ซูหวาพยักหน้า “ศิษย์จดจำไว้แล้วขอรับ”
......
ซูเสี่ยวลู่กลับจวนตระกูลซุนพร้อมกับตาเฒ่าอู๋ เมื่อกลับถึงจวน ตาเฒ่าอู๋ก็เริ่มสอนซูเสี่ยวลู่เกี่ยวกับการปรุงอาหารสมุนไพรทันที
การปรุงอาหารสมุนไพรไม่ได้ยากเย็นนัก ตาเฒ่าอู๋ให้ซูเสี่ยวลู่ศึกษาตำราแพทย์โดยตรง ตำราแพทย์ของการแพทย์แห่งสำนักหมิงกู่มีมากมาย ครอบคลุมศาสตร์การแพทย์อย่างกว้างขวาง และยังมีรายละเอียดลึกซึ้งในด้านการบำบัดด้วยอาหาร
ซูเสี่ยวลู่ตั้งใจเรียนรู้พร้อมกับขบคิดในใจว่าจะปรุงอาหารสมุนไพรแบบใดให้เหมาะสมกับซุนเป่าซ่านและซุนเป่าเชี่ยน
อาหารสมุนไพรที่ดีนั้นสามารถใช้แทนมื้ออาหารสามมื้อในแต่ละวันได้ เพราะอาหารสมุนไพรคือมื้ออาหารปกติที่สามารถเสริมสรรพคุณบำบัดโรค อีกทั้งยังอร่อยจนทำให้ผู้กินมีความสุขได้ด้วย
อาหารสมุนไพรที่ปรุงอย่างธรรมดานั้น มักเป็นเพียงยาเท่านั้น ไม่ถึงกับกินยาก แต่ก็ไม่มีทางเรียกได้ว่าอร่อย
ซูเสี่ยวลู่มองอาหารสมุนไพรสีดำสนิทในหม้อดิน ก่อนจะพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนักว่า “ท่านอาจารย์ ท่านทำอาหารสมุนไพรออกมาหน้าตาไม่น่ากินเลย”
แรงกระแทกทางสายตาค่อนข้างรุนแรง ทั้งที่คนที่บอกว่าอาหารสมุนไพรที่ดีคืออาหารชั้นเลิศก็คืออาจารย์ของนางแท้ๆ ซูเสี่ยวลู่เห็นตาเฒ่าอู๋ลงมือปรุงเองกับมือก็อดจินตนาการไม่ได้ คิดว่าคงจะเป็นประสบการณ์ความอร่อยที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ
แต่แล้วนางก็ต้องตะลึงมองข้าวต้มสีขาวกลายเป็นสีเหลือง แล้วเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในที่สุด ซูเสี่ยวลู่ถึงกับอึ้งจนเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
อาหารสมุนไพรแบบนี้... นางไม่อาจกินมันลงไปได้จริงๆ
ตาเฒ่าอู๋โมโหจัด ใช้ช้อนคนหม้ออย่างแรงแล้วพูดว่า “ข้ากำลังสอนเจ้าอยู่ ศาสตร์การปรุงอาหารเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ด้วยใจ ไม่อาจถ่ายทอดด้วยคำพูด เดี๋ยวใส่เครื่องปรุงเพิ่มอีกหน่อยก็เสร็จแล้ว อาหารสมุนไพรนี่ก็ไม่ได้ทำไว้ให้เจ้ากิน เจ้าจะรังเกียจอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้โจวเหิงไม่รู้กินอาหารสมุนไพรที่ข้าปรุงไปตั้งเท่าไร เขายังไม่เคยบอกว่าไม่อร่อยเลย!”
แม้ว่าตอนกินจะมีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่ากินลงไปได้ใช่ไหมล่ะ
ซูเสี่ยวลู่จินตนาการถึงภาพนั้นอยู่ในใจ พลางรู้สึกเห็นใจโจวเหิงอย่างเงียบๆ นึกไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเขาจะต้องเจอกับอะไรแบบนี้
“เจ้าอย่าไปสนใจว่ามันอร่อยหรือไม่เลย สนแค่ว่าสรรพคุณยามันยังคงอยู่หรือเปล่าก็พอ”
ตาเฒ่าอู๋ทำหน้าตึง ใช้น้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับตักอาหารสมุนไพรขึ้นช้อน ยื่นมาตรงหน้าซูเสี่ยวลู่
“ลองชิมดูสิ”
นี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่เป็นคำสั่งชัดๆ
ซูเสี่ยวลู่รู้สึกว่า หากนางไม่กิน ตาเฒ่าอู๋คงจะโมโหจนลงไม้ลงมือกับนางแน่ๆ
แม้หน้าตาจะดำทะมึน แต่แท้จริงแล้วก็แค่ข้าวต้มธรรมดา ปิดตาก็กินได้เหมือนกัน
ซูเสี่ยวลู่หลับตาแน่น ก่อนจะตักขึ้นมาชิมคำหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา