ซูเสี่ยวหลิงย่อมเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ดีอยู่แล้ว
ซูหวาเพียงยิ้มละมุน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้เลย หากเจ้ารู้สึกเหนื่อย ก็เรียกพี่รองนะ ถึงพี่จะไม่แข็งแรงเท่าพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าแรงน้อย”
“เจ้าค่ะ”
ซูเสี่ยวหลิงยิ้มพลางพยักหน้า
ในยามนี้ ทุกวันของนางล้วนเป็นวันที่เปี่ยมสุขนัก หลายครั้งที่ซูเสี่ยวหลิงอดคิดไม่ได้ว่า หากกาลเวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ได้ คงดีไม่น้อย ความสุขและความเบิกบานคงดำรงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ทว่ากาลเวลาไม่เคยหยุดเดิน พวกเขาทุกคนจะค่อย ๆ เติบโต และกลายเป็นผู้ใหญ่ในสักวันหนึ่ง
แม้อากาศจะหนาวเย็น ทว่าในใจของทุกคนกลับอบอุ่น จึงแทบไม่รู้สึกหนาวเลย
เมื่อกลับถึงบ้าน ซูซานหลางก็เร่งให้จ้าวซื่อไปพักผ่อน ส่วนตนจะเป็นผู้ต้มขิงเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นสักครู่หนึ่ง แล้วค่อยลงมือทำอาหารต่อ
แต่โจวเหิงกลับกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ข้าต้มขิงรอไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ดื่มได้ทันทีเลย”
แม้เขาจะออกไปขายของด้วยไม่ได้ แต่การต้มขิงในบ้านย่อมทำได้อย่างดีเยี่ยม
จ้าวซื่อจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกัน “เหิงเอ๋อร์ ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากเกินไปนัก เจ้าควรพักฟื้นให้เต็มที่นะ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้า แต่ครั้งหน้าขอเจ้าอย่าฝืนตัวเองเลย”
โจวเหิงอาศัยอยู่ที่บ้านนี้มาปีกว่า ร่างกายแม้จะหายดีแล้ว แต่เนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยบาดเจ็บสาหัส แม้จะหายเป็นปกติ ก็ยังต้องพักดูแลสุขภาพให้เต็มที่
โจวเหิงเพียงยิ้มตอบนาง ไม่ได้เอ่ยวาจามากความ
เมื่อขิงต้มถูกตระเตรียมไว้พร้อม ทุกคนก็ร่วมกันแบ่งดื่ม จากนั้น จ้าวซื่อและซูซานหลางจึงไปจัดแจงเตรียมอาหาร
ซูฉงและซูหวารีบเรียกซูเสี่ยวหลิงกับโจวเหิงให้เข้าไปในโถงบ้านเพื่อบอกเล่าสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาวันนี้ให้ทั้งสองได้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ซูเสี่ยวลู่เองก็อยู่ช่วยซูซานหลางและจ้าวซื่อทำอาหารในครัว
วันนี้เปิดร้านวันแรกก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซูซานหลางกับจ้าวซื่อต่างดีใจจนสีหน้ามีแต่รอยยิ้ม
จ้าวซื่อเอ่ยขึ้นอย่างไม่อาจห้ามความคิดว่า “พ่อ หากต่อไปขายได้ดีเช่นนี้ทุกวันก็คงจะดีไม่น้อย วันนี้ผักดองเปรี้ยวกับผักดองเผ็ดที่เราขายไปรวมกันร้อยห้าสิบชั่งเชียวนะ”
หากคำนวณดี ๆ แค่วันเดียวก็ขายได้เงินกว่าหนึ่งตำลึง พอรวมครบเดือนก็คงเกินสามสิบตำลึง หากรวมทั้งปีก็คงหลายร้อยตำลึง พอแบ่งคนละครอบครัวแล้วก็ยังเป็นจำนวนมากอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา