ขณะที่เดินผ่านเล้าไก่ ซูซานเม่ยบอกกับจ้าวซื่อว่า “ท่านแม่ ซื่อเม่ยหลับแล้ว ข้าจะไปหาแมลงมาให้แม่ไก่กินนะเจ้าคะ”
จ้าวซื่อพยักหน้าพร้อมตอบ “ไปเถอะ แม่จะจัดการเก็บเปลือกไข่ตรงนี้เอง”
ลูกไก่ทั้งสิบหกตัวฟักออกมาหมดแล้ว เต็มแน่นไปทั้งเล้า พวกมันส่งเสียงเจื้อยแจ้วจนแม่ไก่ต้องเดินวนไปมาและร้องกุ๊กกุ๊กด้วยท่าทีเป็นกังวล
จ้าวซื่อค่อย ๆ ใช้มือประคองลูกไก่ออกมาไว้บนพื้นทีละตัว พอลูกไก่แต่ละตัววิ่งกลับไปหลบใต้ปีกแม่ไก่ จ้าวซื่อก็ยกเล้าไก่ลงมาที่พื้น เก็บเปลือกไข่ที่อยู่ด้านในออกมา
นางบ่นพึมพำเบาๆ กับแม่ไก่ว่า “ต้องดูแลลูกๆ ของเจ้าให้ดีๆ นะ”
จ้าวซื่อนำเปลือกไข่ไปโรยในแปลงผักเพื่อเป็นปุ๋ย จากนั้นก็เดินไปที่ทุ่งหญ้าใกล้ๆ เพื่อเก็บหญ้ามาให้กระต่ายที่เลี้ยงไว้
ทุกคนในครอบครัวต่างทำหน้าที่ของตัวเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความขยันขันแข็ง
สิ่งที่ทำให้จ้าวซื่อปลื้มใจที่สุดคือ ทุกครั้งที่ซูซานหลางขึ้นไปบนเขา มักจะมีของติดไม้ติดมือกลับมาด้วยเสมอ
บางตัวที่บาดเจ็บหรือตายในกับดัก จ้าวซื่อก็นำมาถลกหนังและหมักเกลือไว้ แล้วนำไปแขวนที่เตาไฟเพื่อรมควันทำเป็นเนื้อหมูน้ำค้าง
ส่วนหนังสัตว์จะนำมาล้างแล้วตากแห้ง เพื่อเอาไว้ทำรองเท้าให้พวกลูกๆ ในวันหน้า
พอถึงเดือนสิบเอ็ด อาศัยของป่าที่ได้จากภูเขา ครอบครัวก็เก็บเงินได้ถึงยี่สิบห้าตำลึงแล้ว สองสามีภรรยาก็ปรึกษากันว่าจะเดินทางเข้าเมืองในวันที่ยี่สิบของเดือนสิบสองเพื่อพาบุตรสองคนไปหาหมอ
แต่สิ่งที่จ้าวซื่อไม่รู้คือ แผนการไม่เคยไล่ทันการเปลี่ยนแปลง
เมื่อชีวิตของครอบครัวซูซานหลางเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ย่อมไม่อาจปิดบังชาวบ้านในหมู่บ้านได้ ไม่นานนัก ผู้คนก็รู้กันหมดว่าซูซานหลางเข้าป่าไปล่าสัตว์ แต่ละครั้งไม่มีทางกลับมามือเปล่า
ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างพูดกันว่านี่เป็นเพราะซูซานหลางมีโชคดี ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาหาเงินได้มากเท่าไหร่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ หวังซื่อจึงโกรธจนล้มป่วย
ที่หวังซื่อล้มป่วยนั้นก็เพราะนางมักจะด่าทอซูซานหลางอยู่ที่ลานเรือนอยู่เป็นประจำ แต่ผลคือซูซานหลางไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ในทางกลับกัน นางกลับต้องมาอัดอั้นในใจ จนโกรธแค้นและเจ็บป่วยเสียเอง โทสะที่จู่โจมจิตใจทำให้นางเกิดแผลพุพองเต็มปากจนทรมานแทบทนไม่ไหว
ด้วยความที่รู้ว่าครอบครัวซูซานหลางใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ใบหน้าของพ่อเฒ่าซูก็ดูมืดมนตลอดเวลา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา