เข้าสู่ระบบผ่าน

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา นิยาย บท 37

โจวซื่อกล่าวพลางเอื้อมมือหมายจะอุ้มตัวซูเสี่ยวลู่ ครั้นมือยังมิทันได้ต้องกายซูเสี่ยวลู่ ซูเสี่ยวลู่ก็ร้องไห้เสียงดังลั่นขึ้นมาเสียก่อน

“แว้—อุแว้—”

ซูเสี่ยวลู่วัยเกือบสามเดือน แข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งนัก ร่างกายกำยำกว่าทารกทั่วไป ครานี้เมื่อร้องไห้ ก็เปรียบประดุจพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งรุนแรง ทั้งกึกก้อง จนหลี่ซื่อกับโจวซื่อพากันยกมือขึ้นปิดหูแทบจะพร้อมเพรียงกัน

เสียงนี้ช่างสุดจะทานทนได้เลยจริง ๆ แต่โจวซื่อกลับหาได้รู้สึกรำคาญไม่ นางแสดงท่าทีเวทนา โอบอุ้มซูเสี่ยวลู่พลางปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “เสี่ยวซื่อเม่ยจ๋า ซื่อเม่ยอย่าร้องเลย”

ซูเสี่ยวลู่หยุดร้องไห้ในเวลาอันรวดเร็ว

โจวซื่อก็สิ้นปรารถนาใคร่จะอุ้ม ด้วยเสียงร่ำไห้เมื่อครู่ ฟังแล้วเพียงอยากตีให้ตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด

หลี่ซื่อแคะหูพลางกล่าวว่า “น้องสะใภ้สาม เรื่องนี้ไว้รอให้น้องสามกลับมา แล้วค่อยพูดกับเขาก็แล้วกัน อย่างไรเสีย เราทั้งหมดก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กระดูกหักยังมีเส้นเอ็นเชื่อมประสานไว้ได้อยู ท่านพ่อให้ข้ากับน้องสะใภ้รองมาแจ้งข่าวแก่เจ้า ก็ขอให้เจ้ายอมอ่อนข้อลงบ้าง เรื่องนี้จะได้ยุติไปเสียที ข้าได้นำคำพูดมาแจ้งแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับก่อน”

คำพูดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปแล้ว ความลำบากหาได้ตกอยู่กับนางไม่

หลี่ซื่อก็หมายจะขอตัวกลับแล้ว

โจวซื่อที่หูยังอื้ออยู่เพราะเสียงร้องของซูเสี่ยวลู่เมื่อครู่นั้น ครั้นเห็นดังนั้นก็กว่าขึ้นว่า “น้องสะใภ้สาม พี่สะใภ้รองจะรอเจ้ากลับเรือนนะ”

กล่าวจบ หลี่ซื่อและโจวซื่อก็เปิดประตูออกไป

เมื่อเห็นซูซานเม่ยนั่งยองอยู่ข้างประตู หลี่ซื่อก็เผยยิ้มพลางกล่าวว่า “ซานเม่ยเอ๋ย อาสะใภ้ใหญ่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน รีบกลับเรือนเถิดนะ”

โจวซื่อมองดูเสื้อผ้าฝ้ายใหม่บนร่างของซูซานเม่ย ในแววตาฉายความครุ่นคิด พลางกล่าวกับซูซานเม่ยว่า “ซานเม่ย อาสะใภ้รองก็คิดถึงเจ้ากับซื่อเม่ยเช่นกันนะ ครั้นเมื่อกลับเรือน ข้าจะให้พี่สาวสามของเจ้าช่วยดูแลซื่อเม่ยร่วมกับเจ้า”

กล่าวจบ โจวซื่อก็จูงมือซูอวี้ฟางแล้วพากันจากไป

ก่อนจะไป ซูอวี้ฟางยังหันกลับมามองเสื้อผ้าตัวใหม่บนกายของซูซานเม่ยอีกคราหนึ่ง

ซูซานเม่ยได้แต่ปาดน้ำตาออกโดยมิอาจห้ามใจได้

จ้าวซื่อมิรู้ว่ายืนอยู่ตรงประตูนั้นแต่เมื่อใด ครั้นเห็นภาพดังกล่าวก็ให้ปวดใจดั่งใจจะขาด นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “ซานเม่ย เข้ามาในเรือนเถิด”

ซูซานเม่ยเดินตามเข้าไปในเรือน ครั้นพอเข้าไปถึง นางก็ร้องไห้พลางเอ่ยถามว่า “ท่านแม่ พี่สาวสามบอกว่าพวกเราต้องกลับไปอยู่เรือนนั้นอีกหรือเจ้าคะ? แล้วนางยังบอกอีกว่าข้าต้องยกเสื้อผ้าตัวใหม่ให้แก่นาง เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่เจ้าคะ?”

ยังมิทันที่จ้าวซื่อจะได้เอ่ยตอบ ซูซานเม่ยก็สะอื้นพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อยากกลับไป... กลับไปแล้วทั้งหิวทั้งหนาว ท่านย่ายังตีข้า ท่านย่าก็ไม่รักซื่อเม่ยด้วย ท่านแม่ เราไม่กลับได้หรือไม่? ตอนนี้พวกเราก็อยู่กันดีแล้วมิใช่หรือ?”

ซูซานเม่ยเป็นเด็กว่าง่ายรู้ความ แต่ถึงอย่างไรนางก็มิใช่ผู้ใหญ่ นางมิอาจเข้าใจได้ว่าผู้ใหญ่ลำบากใจด้วยเหตุใด ไยเล่าจ้าวซื่อจึงมิเอ่ยปฏิเสธออกมา

จ้าวซื่อมองดูซูซานเม่ย น้ำตาก็พลันไหลริน นางโอบกอดซูซานเม่ยไว้พลางร่ำไห้เงียบ ๆ มิอาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้

ซูฉงกับซูหวาเดินไปหาซูซานเม่ย ครั้นเห็นว่านางมิได้รื่นเริง พวกเขาแม้มิอาจรู้ว่าเป็นด้วยเหตุใด แต่ก็สังเกตเห็นได้ในทันที

“น้องหญิง เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

ซูฉงเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง

ซูหวาหยิบลูกท้อป่าจากถุงผ้าที่คาดอยู่เอว ยื่นให้ซูซานเม่ยพลางกล่าวว่า “น้องหญิง เจ้ากินสิ หวานอร่อยนักหนา ข้าล้างจนสะอาดแล้วนะ”

ทุกครั้งที่พวกเขาตามท่านพ่อเข้าป่า ก็มักพบเจอผลไม้ป่าบ้างเป็นครั้งคราว และทุกครั้งย่อมนำกลับมาแบ่งปันให้ซูซานเม่ยได้กินเสมอ

ซูซานเม่ยมองดูพี่ชายทั้งสอง น้ำตาก็พลันไหลรินออกมา

“พี่ใหญ่ พี่รอง... ฮือ ฮือ...”

ซูซานเม่ยร่ำไห้ พลางมองดูพี่ชายทั้งสองผู้ไร้เดียงสา มิรู้ว่าควรเอ่ยบอกพวกเขาเช่นไร ว่าครอบครัวของพวกเขายังต้องกลับไปยังเรือนนั้น เพื่อเผชิญกับความหิวโหย ความเหน็บหนาว และการถูกข่มเหงรังแกอีกครั้ง

ซูฉงกับซูหวาเห็นซูซานเม่ยร่ำไห้ ก็พากันทำอะไรไม่ถูก ในยามนั้น ซูฉงก็รีบร้องเรียกขึ้นว่า “ท่านพ่อ น้องหญิงร้องไห้ น้องหญิงร้องไห้!”

ซูซานหลางเพิ่งก้าวเข้าเรือน ยังมิทันได้เอ่ยถามจ้าวซื่อ ก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องเรียก เขากำลังจะเดินไปดู ทว่าจ้าวซื่อที่กำลังอยู่หน้าเตาไฟเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยเรียกเขาไว้ว่า “พ่อของลูก วันนี้พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองมาหาที่นี่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา