เมื่อจ้าวซื่อกล่าวมาถึงที่สุด นางก็โผเข้ากอดซูซานหลาง มือที่กอดร่างของเขาไว้แน่นสั่นเทาเล็กน้อย เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่อ ให้ข้าไปเถอะ ข้าอาจไม่ตายก็ได้ การเดิมพันครั้งนี้ อย่างไรเราก็ต้องเสี่ยงทั้งนั้น เช่นนั้นก็ขอให้ข้าเป็นผู้เดิมพัน ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า เจ้าทำได้แน่”
ซูซานหลางกำหมัดทั้งสองแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เขารู้ดีว่าทุกคำที่จ้าวซื่อพูดนั้นล้วนมีเหตุผล
เขาโอบกอดนางแน่นขึ้น แล้วจึงกล่าวเสียงหนักแน่น “ตกลง พวกเราไปด้วยกัน!”
เขาหันไปมองลูก ๆ ด้วยสายตาแน่วแน่ ก่อนเอ่ยต่อว่า “เจ้าฉง เจ้าหวา พวกเจ้าจะไปกับเรา ส่วนซานเม่ย เจ้าจงรออยู่ที่นี่ ดูแลน้องสี่ให้ดี รอพวกเรากลับมา”
ซูซานหลางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่อาจเอ่ยออกไปก็คือ หากทุกอย่างล้มเหลวจริง ๆ เขาเองก็จะไม่อยู่รอดเพียงลำพัง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้จ้าวซื่อต้องเผชิญความตายตามลำพังภายในปากเสือ
ส่วนลูกชายทั้งสองนั้น อย่างน้อยพวกเขาจดจำเส้นทางกลับได้ หากโชคยังเข้าข้าง บางทีตาเฒ่าอู๋อาจจะมีเมตตารับพวกเขาไว้ก็เป็นได้
หนทางในครั้งนี้ช่างไร้ซึ่งทางเลือกโดยแท้
เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ซูซานหลางก็ไม่รั้งรออีก เขากับจ้าวซื่อช่วยกันเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบ หยิบเอาหมั่นโถวเย็น ๆ ที่เหลือจากมื้อก่อนในครัวติดตัวไปด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูซานหลางรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด แต่เขาเองก็จนปัญญา หากเขายังมีชีวิตรอดกลับมาได้ เขาย่อมตอบแทนบุญคุณของตาเฒ่าอู๋แน่นอน แต่หากเขาไม่อาจกลับมาได้ ก็ขอให้ชาติหน้าตอบแทนด้วยการเป็นวัวเป็นม้าเพื่อชดใช้
ก่อนจากไป ซูซานหลางย่อตัวลงนั่งแล้วโอบกอดซูซานเม่ยไว้แน่น น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยออกมาพร้อมแววตาที่เปี่ยมด้วยความรัก “ซานเม่ย ลูกเป็นเด็กที่เชื่อฟังที่สุดแล้วนะ พ่อฝากน้องสี่ไว้กับเจ้า ดูแลนางให้ดี และรอพวกเรากลับมา เข้าใจไหม?”
ซูซานเม่ยน้ำตาไหลพราก แต่ก็ยังพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
ซูซานหลางเดินไปกอดซูเสี่ยวลู่อีกครั้ง ก่อนจะก้มลงจุมพิตเบา ๆ บนหน้าผากของนางแล้วค่อย ๆ วางนางลงอย่างอ่อนโยน
ส่วนจ้าวซื่อเองก็โอบกอดทั้งซูซานเม่ยและซูเสี่ยวลู่เอาไว้ น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
ในที่สุด พวกเขาก็จากไปอย่างเงียบงัน ไม่มีคำพูดใด และไม่มีใครหันกลับมามองอีก
ค่ำคืนนี้ เป็นคืนที่ซูเสี่ยวลู่ไม่มีวันลืมได้ไปตลอดชีวิต นางจำได้ขึ้นใจ แม้เวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าใดก็ตาม
เมื่อใดที่ซูเสี่ยวลู่หวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น หยาดน้ำตาของนางก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ครั้นแสงอรุณยามเช้าสาดส่อง พ่อกับแม่จะอยู่ที่ใดแล้วหนอ? ตาเฒ่าอู๋ที่ออกไปตามหา จะพบพวกเขาหรือไม่?
หรือบางที สิ่งที่ตาเฒ่าอู๋นำกลับมาอาจเป็นข่าวการที่พวกเขาต้องจบชีวิตลงในปากเสือ
สำหรับซูเสี่ยวลู่ผู้ยังเป็นเพียงทารก นอกจากคำภาวนา นางก็ทำอะไรไม่ได้เลย
นางได้แต่ทำตัวเชื่อฟัง เมื่อซูซานเม่ยต้มข้าวต้มให้ ป้อนนาง นางก็ดื่มกินอย่างว่าง่าย นางเงียบสงบอยู่เช่นนั้น มีเพียงซูซานเม่ยที่นั่งข้าง ๆ พร่ำระบายความในใจทั้งหมดให้ซูเสี่ยวลู่ฟัง
ซูซานเม่ยกล่าว “ซื่อเม่ย พ่อกับแม่บอกว่าเจ้าคือเซียนจากบนสวรรค์ ข้าก็หวังเหลือเกินว่านี่จะเป็นเรื่องจริง หากเจ้าเป็นเซียนจริง ๆ เจ้าต้องปกป้องพ่อกับแม่ รวมถึงพี่ ๆ ให้กลับมาอย่างปลอดภัยใช่ไหม? หากเจ้าคุ้มครองให้พวกเขาปลอดภัยกลับมาได้ พี่สาวคนนี้จะรักและดูแลเจ้าอย่างดีที่สุดไปตลอดชีวิตเลย ตกลงไหม?”
พูดไปพูดมา น้ำตาของซูซานเม่ยก็หยดลงบนใบหน้าของซูเสี่ยวลู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา