พวกเขาเดินฝ่าหิมะอยู่นานหลายชั่วยาม จนกระทั่งในยามค่ำคืน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านหนานซานในที่สุด
เมื่อพวกเขาแบกเสือตัวลากผ่านทางท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นเข้าต่างพากันอุทานลั่นด้วยความตกตะลึง “ทุกคนออกมาดูกันเร็ว! ซูซานหลางล่าเสือตัวใหญ่กลับมาได้...”
ซูซานหลางไม่ได้หยุดฝีเท้า เขาพาภรรยาและลูก ๆ เดินตรงไปยังบ้านของตาเฒ่าอู๋ที่อยู่ต้นหมู่บ้าน เขาเคาะประตู
ซูซานเม่ยได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาเปิดประตู พอเปิดประตูเห็นเข้า นางก็ร้องออกมาด้วยความดีใจและความเป็นห่วง “ท่านพ่อ! ท่านแม่!”
แต่ความดีใจยังไม่ทันจางหาย ซูซานเม่ยก็ร้องไห้พลางตะโกนเข้าไปในลานบ้าน “ท่านปู่อู๋! รีบออกมาที! ช่วยท่านพ่อท่านแม่ด้วย ฮือๆๆๆ...”
ซูซานหลางและจ้าวซื่อแบกเสือตัวใหญ่เข้ามาในลานบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง หอบหายใจหนักหน่วง
ด้านหลังของเขา ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างพากันตามมา พวกเขาทยอยเดินเข้าลานบ้านเพื่อดูซากเสือตัวใหญ่ด้วยความตื่นตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าซูซานหลางจะกล้าเข้าไปในเขาเพื่อล่าเสือ แถมยังทำสำเร็จกลับมาได้อีกด้วย
มีเพียงซูซานเม่ยเท่านั้นที่รีบวิ่งเข้าไปในเรือนใหญ่ ร้องไห้พลางลากตาเฒ่าอู๋ให้ออกมา
ในดวงตาของนาง ไม่มีเสือตัวใหญ่อยู่ในสายตาเลย มีเพียงร่างของท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายทั้งสองที่เต็มไปด้วยเลือด
ตาเฒ่าอู๋ไม่คาดคิดเลยว่าครอบครัวของซูซานหลางจะกลับมาแบบที่ยังมีชีวิต เมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาก็รีบก้าวตามซูซานเม่ยออกมาทันที เมื่อเห็นชาวบ้านรุมล้อมอยู่รอบซากเสือตัวใหญ่และส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา ตาเฒ่าอู๋ก็ขมวดคิ้ว ก่อนเดินเข้าไปพลางตวาดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถอยไปหน่อย!”
เมื่อผู้คนถอยออกไป ตาเฒ่าอู๋ก็เห็นครอบครัวของซูซานหลาง ทุกคนต่างบาดเจ็บจนไม่มีใครที่ยังอยู่ในสภาพดี
“ซานหลางเอ๋ย เจ้าช่างเก่งกาจจริงๆ ได้ยินว่ากระดูกเสือแช่เหล้ารักษาโรคได้ เจ้าจะขายเนื้อเสือใช่ไหม ถ้างั้นแบ่งกระดูกให้ข้าสักชิ้นได้หรือไม่?”
“ซานหลาง ข้าขอด้วยคนเถอะ ขอเพียงชิ้นเดียวก็พอ...”
ซากเสือตัวใหญ่ขนาดนี้ ยากนักที่จะไม่ทำให้ผู้คนเกิดความโลภ ต่างพากันเอ่ยปากขอแบ่งชิ้นส่วนจากซูซานหลาง
ทว่าเขากลับตอบกลับไปอย่างเย็นชาและสงบนิ่ง “ไม่มีแบ่งให้พวกเจ้า ข้าจะขายทั้งหมด”
ตาเฒ่าอู๋เองก็เอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนม “ข้าเห็นพวกเจ้าหน้าด้านจนไม่รู้จักอายแล้วกระมัง ตอนที่คนอื่นจนตรอกไร้หนทาง พวกเจ้าหายหัวกันหมด ไม่เห็นแม้แต่น้ำใจจะส่งผักสักต้น ข้าวสักถ้วย ตอนที่คนอื่นไม่มีแม้ที่พักพิง ทำไมถึงไม่เห็นพวกเจ้าสักคนช่วยเหลือกันเลย ออกไปให้หมด อย่ามาทำสกปรกในลานบ้านข้า!”
ตาเฒ่าอู๋ไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนโยน เขาไม่เคยแยแสหน้าตาของใคร และหากเขาไม่พอใจ ต่อให้มาขอให้รักษาโรค เขาก็ไม่สนใจ
ชาวบ้านบางคนอาจกล้าหาเรื่องซูซานหลาง แต่ไม่มีใครกล้าขัดใจตาเฒ่าอู๋ จึงได้แต่พากันออกไปเงียบ ๆ ในที่สุด
ตาเฒ่าอู๋ปิดประตูบ้านเสียงดังสนั่น ก่อนจะหันกลับมามองครอบครัวของซูซานหลาง แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังจะนั่งโง่อยู่ทำไมอีก? หรืออยากรีบตายให้เร็วขึ้น?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา