หลังจากทำแผลให้ครอบครัวซูซานหลางเรียบร้อยแล้ว ตาเฒ่าอู๋ล้างมือและเก็บข้าวของ พลางเอ่ยถามขึ้นว่า “แล้วเจ้าเตรียมจะขายเจ้านี่อย่างไรล่ะ?”
ซูซานหลางที่ยังดูมึน ๆ อยู่ พอได้ยินคำถามก็สะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ ก่อนตอบว่า “ที่หมู่บ้านหยางเจี่ยวมีตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แซ่ซุน ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ข้ามักจะไปส่งเนื้อสัตว์ป่าที่นั่นอยู่บ่อย ๆ ท่านหมออู๋ ข้าอยากรบกวนท่านช่วยส่งข่าวไปสักหน่อย ดูว่าจวนตระกูลซุนสนใจเสือตัวนี้หรือไม่ ถ้าพวกเขาต้องการ ก็ให้มาที่หมู่บ้านนี้เพื่อแบกมันกลับไป”
ซูซานหลางมั่นใจว่าจวนตระกูลซุนน่าจะสนใจ เนื่องจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่เขาไปส่งของ เขาก็พอได้ยินมาว่าคุณชายและคุณหนูของตระกูลซุนเกิดมาร่างกายอ่อนแอ ทั้งสองต้องพึ่งอาหารบำรุงเป็นพิเศษ เนื้อสัตว์ป่าที่สดใหม่และรสเลิศ เมื่อกินควบคู่กับยาบำรุงแล้ว ถือว่ามีคุณค่าต่อร่างกายยิ่งนัก
เสือก็ถือเป็นของบำรุงชั้นดี แถมยังใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตระกูลซุนคงไม่พลาดโอกาสนี้เป็นแน่
“ได้ ข้าจะช่วยเจ้า แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปทันที”
ตาเฒ่าอู๋ตอบตกลง
ช่วงนี้อากาศหนาวจัด ซากเสือทิ้งไว้ข้ามคืนก็ไม่เป็นอะไร
เมื่อได้ยินคำตอบจากตาเฒ่าอู๋ ซูซานหลางก็วางใจลง ในเมื่อบาดแผลของเขาหนักที่สุด อีกทั้งยังสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง ร่างกายของเขาก็แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว ยามที่ความกังวลคลายลง ความอ่อนล้าก็ถาโถมเข้าใส่ ซูซานหลางเอนกายลง และในที่สุดก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนแรง
ซูฉงและซูหวาต่างก็หลับใหลไปด้วยความอ่อนล้า
ส่วนจ้าวซื่อยังคงฝืนสังขารไปต้มยาสมุนไพรให้ทุกคน หลังจากทุกคนได้ดื่มยาเรียบร้อยแล้ว ทั้งครอบครัวก็เอนกายพิงกันแน่นแล้วหลับไป
ตาเฒ่าอู๋กลับไม่ได้นอนสนิท เขาลุกขึ้นมาหลายครั้งในยามค่ำคืนเพื่อดูอาการของครอบครัวซูซานหลาง
“เฮ้อ จะว่าโชคร้ายก็โชคร้าย จะว่าโชคดีก็โชคดี เสือตัวนี้ พรานฝีมือดีทั้งหลายยังเอาลงไม่ได้ แต่พวกเจ้ากลับทำสำเร็จ เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่าพวกเจ้าผ่านความเสี่ยงอันตรายอะไรมา อย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าเป็นโชคชะตาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองได้อย่างไร”
ตาเฒ่าอู๋พึมพำกับตนเอง พลางค่อย ๆ ตรวจวัดไข้และดูอาการของแต่ละคนอย่างละเอียด
“ไม่มีไข้สูงกันสักคน ถือว่าโชคดีเหลือเกิน ชีวิตดั่งหญ้าป่า แม้ถูกเหยียบย่ำก็ยังคงแข็งแกร่ง”
การที่ไม่มีใครมีไข้สูงเลยนั้นทำให้ตาเฒ่าอู๋ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างไร นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี
เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของซูซานเม่ยอย่างเบามือ นางเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรเกินวัย ตาเฒ่าอู๋กลัวว่านางจะเครียดและกดดันมาหลายวัน จนเมื่อทุกอย่างสงบลงก็จะป่วยได้ แต่ผลกลับทำให้เขาแปลกใจ เพราะนางดูสบายดี
“แม่หนูน้อย เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ”
เมื่อเห็นซูซานเม่ยยังลืมตาอยู่ ตาเฒ่าอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มเล็ก ๆ ของนางเบา ๆ พลางกระซิบเสียงค่อยอย่างเอ็นดู
ซูเสี่ยวลู่ขยับตัวเล็กน้อย นางเป็นเด็กหลับตื้น ตื่นได้ง่าย เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด นางก็รู้ตัวแล้ว แต่เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย นางก็ยังคงนอนนิ่งเงียบ
หากมีใครคิดจะมาแอบขโมยเสือตัวนั้นในยามค่ำคืน นางคงร้องไห้ลั่นจนปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาแน่
“เจ้านี่ช่างเป็นเด็กดีนัก พ่อแม่เจ้ามีเจ้าอยู่ด้วยก็ถือเป็นวาสนาของพวกเขาแล้วล่ะ ผ่านพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไป ครอบครัวเจ้าจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่ๆ เอาล่ะ นอนเถอะ ข้าจะดูแลพ่อแม่เจ้าเอง”
ตาเฒ่าอู๋ลูบศีรษะของซูเสี่ยวลู่อย่างอ่อนโยน พลางพูดพึมพำไม่กี่คำ ก่อนจะลุกเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา