แต่จนแล้วจนรอด พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตาเฒ่าอู๋สร้างกำแพงบ้านไว้สูงมาก แม้จะเขย่งเท้าก็ยังมองไม่เห็นอะไรข้างใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าว่าน้องสามไม่ยอมออกมาพบพวกเรา คงเพราะยังโกรธพวกเราอยู่น่ะสิ”
หลี่ซื่อกลอกตาไปมา ก่อนจะหาโอกาสยุแยงหวังซื่อและพ่อเฒ่าซูให้คล้อยตาม
โจวซื่อเองก็หัวไวไม่แพ้กัน นางรีบตะโกนเข้าไปที่ประตูเสียงดัง “น้องสาม! น้องสะใภ้! เปิดประตูเถิด ให้ข้าเข้าไปช่วยดูแลพวกเจ้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ สายเลือดเดียวกันย่อมดีกว่าใครอื่นอยู่แล้ว!”
ซูซานหลางสามารถล่าเสือตัวใหญ่กลับมาได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อต้องเผชิญกับความมั่งคั่งมหาศาลที่ร่วงหล่นลงมาตรงหน้า พวกเขาย่อมทนนิ่งเฉยไม่ไหว เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเขาปรึกษากันแล้วว่าจำเป็นต้องรับครอบครัวของซูซานหลางกลับมาให้ได้
ดังนั้นเช้าวันนี้ พวกเขาจึงพากันรีบมาถึงที่นี่
เพราะซากเสือตัวนี้สามารถพลิกชีวิตของทั้งครอบครัวให้มั่งคั่งได้ พวกเขาสามารถไปซื้อบ้านในตัวเมือง เปิดกิจการทำการค้า ใช้ชีวิตสุขสบายโดยไม่ต้องทนลำบากตรากตรำกลางดินกลางแดดอีกต่อไป เด็ก ๆ ก็จะได้มีโอกาสร่ำเรียนหนังสือ
ในเวลานี้ ไม่ว่าจะใช้เรื่องความสัมพันธ์หรือเหตุผลใดก็ตาม เป้าหมายของพวกเขาคือแค่การนำเสือตัวนั้นไปให้ได้เท่านั้น
ซูซานหลางและครอบครัวอยู่ในบ้าน แต่ก็ยังคงไม่ยอมเปิดประตู
หลี่ซื่อกับโจวซื่อผลัดกันพูดจาหว่านล้อมด้วยคำพูดที่ฟังดูจริงใจและห่วงใย
ขณะที่หวังซื่อกลับด่าทอและข่มขู่ไม่หยุด เสียงของนางแหลมสูงและเต็มไปด้วยความโมโห คำพูดหยาบคายสารพัดถูกตะโกนออกมาโดยไม่สนใจอะไร
หลี่ซื่อกับโจวซื่อจึงรีบเข้ามาแก้สถานการณ์ให้ พลางพูดแก้ตัวแทนหวังซื่อว่า
หวังซื่อปากร้ายแต่ใจดี
พ่อเฒ่าซูเอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด จนเมื่อเห็นว่าคนอื่นพูดกันจนหมดแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ซานหลาง พูดให้ถึงที่สุดแล้ว พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าก็บาดเจ็บอยู่ การรักษาตัวก็ต้องใช้เวลา พ่อยินดีให้พวกเจ้ากลับมาอยู่บ้านด้วยกัน พอขายเสือตัวนี้ได้เงิน อีกไม่กี่ปีเราจะหาภรรยาให้เจ้าฉงกับเจ้าหวา ให้มีลูกหลานไว้สืบสกุล ถึงแม้พวกเขาจะปัญญาทึ่ม แต่ก็ยังมีพี่น้องคอยช่วยเหลือกัน เจ้าควรคิดให้รอบคอบนะ”
พ่อเฒ่าซูรู้สึกว่าตนเองพูดจนหมดใจแล้ว ในเมื่อเขายอมยื่นมือให้ถึงเพียงนี้ ซูซานหลางก็ควรคิดได้เสียที ตอนนี้ก็แค่รอให้ซูซานหลางเปิดประตูเท่านั้น
ภายในเรือน ซูซานหลางและครอบครัวต่างนั่งอยู่บนเตียง
จ้าวซื่อกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันไหลรินออกมาอีกครั้ง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกังวลมากมาย
ความคิดวกวนสับสน แต่สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นถามฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่าในใจว่า เหตุใดชีวิตของนางจึงเต็มไปด้วยความยากลำบากและความขมขื่นถึงเพียงนี้
ซูซานหลางกำหมัดแน่นจนมือสั่นเทา
ซูฉงและซูหวามองพ่อที แม่ที ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ซูซานเม่ยเองก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ นางสะอื้นพลางยื่นมือไปดึงแขนเสื้อจ้าวซื่อเบา ๆ แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “แม่ ข้ากลัว”
จ้าวซื่อได้สติกลับคืนมา นางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของซูซานหลางแน่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “พ่อ เจ้าว่าเราควรทำอย่างไรดี?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา