คราวนี้โจวเหิงได้อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลซูโดยตรง ไม่ต้องถูกโยกย้ายไปมาอีกแล้ว
เมื่อมีโจวเหิงเพิ่มมาในบ้าน วันเวลาก็ยังดำเนินไปตามปกติ ด้วยความคำนึงถึงสุขภาพของโจวเหิง อาหารการกินจึงยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม
ครั้นเมื่อฤดูใบไม้ร่วงผ่านพ้นไปจนเข้าสู่เดือนสิบ เด็กทั้งสี่ในตระกูลซูต่างก็เติบโตขึ้นอีกนิด ใบหน้าก็พลันเปล่งปลั่งแดงระเรื่อกันทุกคน
ซูฉงและซูหวาไม่ได้ช่วยงานเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ผิวพรรณจึงค่อย ๆ ขาวผ่องขึ้น อีกทั้งความงดงามของใบหน้าก็เริ่มเผยให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น
โจวเหิงมาอยู่ที่หมู่บ้านหนานซานได้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว แม้สองขาของเขายังไม่สามารถยืนขึ้นได้ แต่ความรู้สึกกลับฟื้นฟูขึ้นมากกว่าเดิมอีก
วันนี้ซูเสี่ยวลู่ถอนเข็มให้โจวเหิง นางยิ้มพลางกล่าวว่า “พี่โจวเหิง พอผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไป ขาของพี่จะยืนขึ้นได้แล้ว”
โจวเหิงเผยยิ้มบางพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณนะ เสี่ยวลู่”
โจวเหิงเองก็รู้สึกได้ว่าขาของเขาค่อย ๆ ดีขึ้น ความรู้สึกกลับมาทีละน้อย ไม่นานเกินรอ เขาคงจะเดินได้อีกครั้งหนึ่ง
เขาเหลือบมองซูฉงและซูหวาที่นั่งเรียบร้อยอยู่ด้วยความสงบ ศีรษะของทั้งคู่เต็มไปด้วยเข็มที่ปักไว้ ดวงตาของพวกเขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดได้เปล่งประกายสดใส เมื่อสายตาประสานกัน ทั้งสองยิ้มให้เขาเบา ๆ
ซูเสี่ยวลู่ถือเข็มเงินออกไปล้างและจัดเก็บให้เรียบร้อย
ซูเสี่ยวหลิงนวดขาให้โจวเหิง นางกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่า “น้องเหิง เจ้าอยู่นิ่ง ๆ เสี่ยวลู่บอกไว้ว่าต้องนวดทุกวัน”
“ขะ...ขอบคุณ”
ใบหน้าของโจวเหิงแดงขึ้นเล็กน้อย เมื่อมาอยู่ที่นี่กว่าหนึ่งเดือน เขาก็เข้าใจแล้วว่าชาวบ้านธรรมดานั้นไม่ได้มีระเบียบแบบแผนเคร่งครัดมากมาย ระหว่างญาติพี่น้องยิ่งไม่มีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ใด ๆ มากนัก
คิดดูแล้วก็ไม่ผิดอะไร ด้วยชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ หากยังต้องเคร่งครัดกับกฎเกณฑ์มากมาย คงจะเหนื่อยล้าจนตายไปเสียก่อน
ตอนนี้ตาเฒ่าอู๋ออกไปเก็บสมุนไพรตลอดทั้งวัน เขาได้มอบหมายเรื่องปักเข็มให้ซูเสี่ยวลู่ดูแลแทน ตามคำพูดของเขา ซูเสี่ยวเป็นผู้มีพรสวรรค์ แม้จะทำเพียงลวก ๆ ก็ยังดีกว่าผู้อื่นถึงสิบเท่า
“น้องเหิง เจ้าครุ่นคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”
ซูเสี่ยวหลิงเห็นท่าทางของโจวเหิงที่กำลังครุ่นคิด จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
โจวเหิงได้สติกลับมา เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “ไม่มีอะไร”
โจวเหิงก้มสายตาลง เขามักจะมีความคิดฟุ้งซ่านมากเกินไป แต่บางความคิดก็มักจะผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้
ซูเสี่ยวหลิงยิ้มบางเบา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้องเหิง สองวันก่อนข้าได้ยินท่านพ่อพูดว่าจะไปดูดักสัตว์เผื่อว่าจะได้อะไรกลับมา เจ้าคงไม่เคยเห็นมาก่อนใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นให้ข้าไปขอท่านพ่อดูดีหรือไม่ เผื่อท่านจะพาเราไปด้วยกัน?”
โจวเหิงเงยหน้าขึ้น เห็นซูเสี่ยวหลิงเต็มไปด้วยความห่วงใย เขาจึงพยักหน้าเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ตกลง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา