“ฉู่อ๋องเสด็จแล้ว!”
ไม่รู้ว่าเสียงผู้ใดตะโกนขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองเป็นตาเดียว เห็นเพียงฉู่จวินถิงและคณะกรรมการคุมสอบในวันนี้เดินเข้ามาด้วยกัน
เขาสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินได้แทบจะทันที
นางแต่งกายเรียบร้อยอย่างยิ่ง สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ปักแต่งด้วยสีเหลืองนวลในบางจุด ทำให้นางดูอ่อนหวานและน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง
คล้ายว่าจะมีเพียงเมื่อยืนอยู่ข้างกายพี่ชายเท่านั้น ที่จะดูเรียบร้อยและเชื่อฟังเสมอๆ แตกต่างจากท่าทีเฉียบคมดุดันที่นางแสดงออกยามต่อกรกับผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นหน้ากากสองด้าน ทว่าน่ารักอยู่ไม่น้อย
“อี้อัน นี่เจ้า...?”
อาจารย์เว่ยผู้เคร่งขรึมเมื่อมองเห็นซ่งอี้อันเข้าก็พลัน ดวงตาทอประกายแววประหลาดใจ
ต่อมาเหล่าบัณฑิตทั้งหลายของสำนักศึกษาหลวงก็ได้เห็นว่าอาจารย์เว่ยผู้ที่มักจะเคร่งขรึมและเข้มงวดอยู่เสมอ กลับเดินแล่นฉิวพุ่งตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของซ่งอี้อันโดยฉับพลัน
“อี้อัน ดวงตาของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”
อาจารย์เว่ยโบกมือไปมาที่ตรงหน้าของซ่งอี้อัน ตาเฒ่าหัวโบราณที่เคยเป็นคนเคร่งขรึม ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความดีใจ
ซ่งอี้อันทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะท่านอาจารย์ ดวงตาของข้าหายดีแล้วขอรับ”
“ดี ดียิ่ง!” อาจารย์เว่ยตบไหล่ซ่งอี้อันด้วยความยินดี “ข้ารู้สวรรค์มิตัดหนทางคนเราจนขาด ความสามารถของเจ้ามีหรือจะให้เสียเปล่าได้?”
“ตั้งใจทำข้อสอบให้ดี ข้าคาดหวังผลลัพธ์จากเจ้า!”
“ขอบคุณขอรับ ท่านอาจารย์”
คณะกรรมการคุมสอบเห็นภาพเช่นนี้เข้าก็อดประหลาดไม่ได้เช่นกัน พวกเขาต่างรู้ดีถึงความสามารถของซ่งอี้อัน และรู้ว่า
เพราะเรื่องสองตามืดบอดจนไม่อาจเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิได้ ทำเอาช่วงนี้อาจารย์เว่ยถอนหายใจไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...