“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าขอพูดให้ชัด ข้าจะไม่เอาทรัพย์สินจากจวนโหวแม้แต่น้อย“
“นับจากวันนี้ไป ข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนไป๋โหวอีกต่อไป!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทามองหน้ากันด้วยความยินดีที่แทบปกปิดไม่มิด
ส่วนไป๋เฉิงหงสีหน้าย่ำแย่ “เจ้าพูดบ้าอะไร? เจ้าคือบุตรของข้า จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนโหวได้อย่างไร?”
“ข้าและท่านแม่ของข้าไม่ควรจะอยู่ในจวนโหวตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นนางคิดจะพาข้าไป แต่ท่านที่ขัดขวางนางไว้”
“ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนโหว ก็กลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขามานานแล้ว แม้แต่ท่านพ่อเมื่อครู่ก็ยังไม่เชื่อข้าเลยมิใช่หรือ?”
ในดวงตาของไป๋จื่อมู่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ความจริง แม้เขาจะเกลียดหลี่ว์เหวินซิ่ว แต่คนที่เขาเกลียดมากกว่าคือไป๋เฉิงหง
เพราะหลี่ว์เหวินซิ่วไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่ไป๋เฉิงหงคือบิดาของเขา ชายที่เคยหลอกลวงมารดาของเขา ทำลายชีวิตนาง และปิดบังความจริงจากเขามาตลอด
หากไม่ใช่เพราะแม่นมสวี เขาคงตายไปแล้ว เช่นเดียวกับมารดาของเขา
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไป๋เฉิงหงกลับยังสงสัยว่าเขาวางแผนใส่ร้ายหลี่ว์เหวินซิ่ว มิน่าขันหรือ?
ไป๋เฉิงหงรู้สึกกระอักกระอ่วน “เมื่อครู่ข้าเพียงตกใจเพราะข่าวนั้นหนักเกินไป ข้าถึงได้...”
“หรือว่าตอนนี้ท่านพ่อเชื่อข้าแล้ว? หากท่านพ่อเชื่อข้าจริง เช่นนั้นก็ส่งไป๋ฮูหยินให้ทางการ แล้วข้าจะฟ้องร้องกับนางในโถงตัดสินคดีความเอง!”
ไป๋จื่อมู่มองด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าที่เคยมีความอ่อนโยนแบบนักปราชญ์ในวันนี้ไม่เหลือความอ่อนโยน กลับคล้ายมีหนามแหลมคมทั่วร่าง เขาไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย
“จื่อมู่ เจ้าเป็นบุตรของข้า ทรัพย์สมบัติของข้าก็ย่อมมีส่วนของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงต้องบีบคั้นเช่นนี้?”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...