เมื่อถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าถังเสวี่ยหนิงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมามารดาเข้มงวดมาก หากรู้ว่านางทำเรื่องพรรค์นี้ จะต้องตำหนินางแรงๆ แน่
“ข่งฮูหยิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ พวกเราแค่กังวลจะมีคนวางอุบายเข้าใกล้ซื่อจื่อเท่านั้น ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจึงเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้”
“หากแม่นางซ่งพูดให้กระจ่างตั้งแต่แรก พวกเราเองก็ไม่ต้องคาดเดา...”
ข่งฮูหยินยกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว เชิญเถอะ”
ภายใต้ความเอือมระอา ถังเสวี่ยหนิงทั้งสามคนทำได้เพียงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ เผชิญหน้ากับสายตารอบข้างก็ยิ่งรู้สึกอับอาย เหตุใดพวกเขาต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้ด้วย!
“ซ่งรั่วเจิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ถังเสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินแรงๆ หนึ่งปราด รู้สึกเสียใจภายหลังภายในใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่ไม่สมควรลุกออกมาช่วยพูด หาไม่แล้วต่อให้เจี่ยงเหวินจิ้งทั้งสองถูกไล่ออกไป ก็คงไม่เดือดร้อนมาถึงนาง
“ข้ารออยู่นะ”
สีหน้าซ่งรั่วเจินเหมือนเดิม ในเมื่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ เช่นนั้นก็ฉีกหน้ากันไปเสียเลย อย่างไร้เสียก็ไม่จำเป็นต้องทน
หลังจากพวกถังเสวี่ยหนิงจากไป ใบหน้าข่งฮูหยินเผยรอยยิ้มชมชอบออกมา จับมือของซ่งรั่วเจินพูดว่า “น้องหญิงรั่วเจิน ไม่ได้พบกันนานมากนัก”
“นับตั้งแต่ท่านออกจากเมืองหลวงก็มีเพียงติดต่อผ่านจดหมาย ในที่สุดตอนนี้ก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว”
ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ มั่วหลานเป็นสหายสนิทของเจ้าของร่างเดิม นับตั้งแต่ได้รู้จักก็สนิทสนมกันมากมาโดยตลอด จนกระทั่งมั่วหลานแต่งงานออกจากเมืองหลวงไป ต่อมาก็ส่งจดหมายถึงกันไม่หยุด
เมื่อหลายวันก่อนนางก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากมั่วหลาน แม้พูดว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมถูกเลี้ยงดูในห้องหอมาโดยตลอด แต่ความสัมพันธ์กับสหายสนิทสองสามคนกลับดีมากนัก
“ยังมิใช่อีกหรือ? ข้านี่เพิ่งกลับมา เดิมทีอยากไปหาเจ้า จนใจยุ่งเสียจนปลีกตัวไม่ได้”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...