คนตระกูลซ่งไปจากตระกูลหลิ่วแล้วก็รู้สึกเพียงว่าโล่งอกเบาสบาย สำหรับพวกเขาพี่น้องแล้ว เพียงอยากอยู่ให้ห่างจากญาติมหาภัยเหล่านี้เสียให้ไกล
ถ้าเลือกได้ พวกเขาไม่อยากมีญาติแบบนี้เลยสักนิด แต่ที่ผ่านมากังวลว่าท่านแม่จะคิดอย่างไรก็เท่านั้น
วันนี้เห็นว่าพอเห็นว่าท่านแม่ตัดสินใจขีดเส้นแบ่งกับตระกูลหลิ่วอย่างเด็ดขาดแล้ว ในใจพวกเขาก็ดีใจจนพูดไม่ออก!
“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ คราวก่อนท่านน้าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นลงไป แต่ก็ยังหน้าหนามาเรียกร้องสิ่งของอีก หนังหน้าสู้กำแพงเมืองได้เลย!”
ซ่งจืออวี้จุปากทอดถอนใจ คนไร้ยางอายที่เขาเคยเห็นมานับว่าไม่น้อยเลย คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกต่อกรด้วยยากที่ไม่สนใจอันใดทั้งนั้น แต่ละคนมีแต่พวกไม่สนใจเหตุผล ระดับความไร้ยางอายของท่านน้ากลับไม่ด้อยไปกว่าเลย
“ท่านน้าไม่มียางอายเลยสักนิด หลายปีนี้อาศัยความลำเอียงของท่านยาย สร้างเรื่องทั้งในทางลับทางแจ้งเรียกร้องสิ่งของไปมากมายเท่าไร?”
“ถ้าท่านแม่ไม่ยอมรับปาก ท่านน้าก็จะร้องไห้โวยวายข่มขู่ ท่านยายยิ่งด่าท่านแม่ว่าอกตัญญู พร่ำพูดว่าไม่ยอมรับลูกสาวคนนี้ ดังนั้นท่านแม่จึงถูกควบคุมมาโดยตลอด”
ซ่งจิ่งเซินขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกอยุติธรรมแทนมารดามาโดยตลอด ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจึงมีบิดามารดาเช่นนี้
หลิ่วหรูเยียนได้ยินพวกลูกชายเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตัวเอง ในใจรู้สึกอุ่นวาบ แม้พ่อแม่จะไม่ดีกับนาง ลำเอียงมาโดยตลอด แต่โชคดีที่ลูกชายลูกสาวของนางเข้าใจนาง เป็นห่วงเป็นใยนาง
คิดได้เช่นนี้ สวรรค์ก็นับว่ายุติธรรมอยู่เหมือนกัน
“พอเกิดเรื่องในวันนี้ พวกเขาคงไม่ยอมเลิกราแต่โดยดีแน่ แต่ข้าตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าถึงตอนนั้นพวกเขาจะพูดอย่างไร ข้าก็จะตัดญาติแน่นอนแล้ว”
“แต่ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงมีคนพูดจาไม่น่าฟังอย่างไม่อาจเลี่ยง ข้ากังวลจริงๆ ว่าอาจกระทบต่อชื่อเสียงของพวกเจ้า”
ดวงตาหลิ่วหรูเยียนฉายแววซับซ้อน ความจริงสิ่งที่นางกังวลใจมาโดยตลอดก็คือเรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง