“ข้าสั่งสอนเจ้ามาแบบนี้งั้นรึ? เด็กพวกนี้ถูกเจ้าสั่งสอนมาแบบนี้ มิสั่งสอนจนเสียคนไปทั้งบ้านเลยรึ!”
นายหญิงหลิ่วตีหน้าเย็นชา ตำหนิอย่างเข้มงวด “เจ้าควรทบทวนตัวเองดีๆ จริงๆ ตอนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งทำให้พวกข้าไม่สบายใจ!”
ได้ยินคำตำหนิที่แสกหน้ามายกหนึ่งเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินอดทอดถอนใจไม่ได้ว่านายหญิงหลิ่วช่ำชองวิธีล้างสมองคนจริงๆ ไม่แปลกเลยที่หลายปีมานี้หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าต่อต้าน
“ท่านยาย ท่านพร่ำพูดว่าครอบครัวพวกข้าต้องให้ตระกูลหลิ่วคอยช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าตอนข้าถอนหมั้นตระกูลหลิ่วช่วยเหลือแล้ว หรือตอนที่พี่ใหญ่พี่รองของข้าถูกรังแก พวกท่านได้ช่วยเหลือแล้ว?”
“พ่อข้าหายสาบสูญจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้แม่ข้าตัวคนเดียวไร้คนช่วยเหลือ ท่านพาท่านน้ากับท่านลุงมาสองรอบจริงๆ เรียกร้องสิ่งของกลับไปไม่น้อย”
“ตอนที่ควรช่วยเหลือข้าไม่เคยเห็นเลยสักนิด สิ่งของที่ควรได้ไปกลับมีไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ต่อให้เป็นปลิงดูดเลือด เวลาพูดจาก็ยังพูดจาน่าฟัง แต่นี่ตักตวงผลประโยชน์ไปอย่างเต็มที่แล้วยังมาด่าคนอีก จะโลภมากจนน่าเกลียดไปหน่อยหรือเปล่าเจ้าคะ?”
ซ่งรั่วเจินวาจาคมกริบ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ตระกูลหลิ่วที่ราวกับผีสูบเลือดนี้ เช้าวันนี้ท่านแม่ต้องหลุดพ้นจากทะเลเพลิงนี้ไปให้ได้!
นายหญิงหลิ่วมองซ่งรั่วเจินอย่างตกตะลึง “สวรรค์ เจ้ากล้าพูดจาแบบนี้กับข้าเชียวรึ คิดจะแข็งข้อแล้วใช่หรือไม่?”
“รั่วเจิน เจ้าพูดจาแบบนี้กับผู้อาวุโสได้อย่างไร!” หลิ่วเฟยเยี่ยนขยายเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ “มิน่า ตระกูลหลินถึงไม่ต้องการเจ้า เจ้าเป็นแบบนี้ ใครยังจะกล้าแต่งด้วย?”
“น้องสาวข้าพูดผิดตรงไหน? ผู้อาวุโสอย่างพวกท่านไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ผู้เยาว์อย่างพวกข้ายังต้องฟังอีกงั้นหรือ?”
ซ่งจืออวี้ก้าวออกมาขวางตรงหน้าน้องสาว กล่าวอย่างชอบด้วยเหตุผลว่า “ไม่แปลกเลยที่ลูกหลานตระกูลซุนมีแต่พวกไร้ประโยชน์ คนที่มีอนาคตหน่อยก็ถูกพวกท่านแย่งชิงสิ่งของไปหมดแล้ว ใครยังจะกล้ามีอนาคต?”
“ท่านน้าช่างยกความแก่มาข่มเก่งจริงๆ นอกจากแม่ข้าที่จิตใจดีสามารถยอมทนท่านมาได้หลายปี อยู่ข้างนอกนั่นท่านไปกอบโกยผลประโยชน์ไม่ได้หรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง