“เรื่องนี้จะโทษพวกข้าได้อย่างไร? พวกข้าทำไปเพราะหวังดีต่อฮูหยินผู้เฒ่า เลี่ยงไม่ให้นางถูกคนทำร้ายหมายชีวิตนะ!”
“พวกข้าไม่ใช่หมอเสียหน่อย นางอาการกำเริบเกี่ยวอันใดกับพวกข้าด้วย!” เฉียนชิวเซียงรีบร้อนกล่าว
“พวกเจ้าดูแลไม่ดีเอง อย่าได้คิดจะโยนความผิดมาให้พวกข้าเชียวนะ!” ฝานซืออิ๋งรีบเสริม
เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปภายในชั่วพริบตาของคนตระกูลฝานแล้ว แม่นมและสาวใช้ของตระกูลกู้ก็โมโหสุดขีด เจ้าคนหน้าไม่อายสองคนนี้ จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
วันนี้คุณชายรองสกุลกู้รู้สึกจิตใจไม่สงบตลอดเวลา คิดไปคิดมาก็ยังคงเป็นห่วงมารดาที่อายุมากแล้วแต่ยังไปไหว้พระขอพรจึงพักงานในมือไว้ก่อนชั่วคราวแล้วเดินทางมาที่วัด
แม้จะคุยกันแล้วว่าจะไม่ช่วยเหลืออวิ๋นเวย แต่ในใจมารดาก็ยังปล่อยวางไม่ได้จึงไปไหว้พระเพื่อสงบจิตสงบใจ
เขาเข้าใจความรู้สึกของมารดา ยิ่งเข้าใจว่าหากช่วยเหลืออวิ๋นเวย มีครั้งที่หนึ่งก็ย่อมมีครั้งที่สอง ต่อไปก็จะไม่จบไม่สิ้น
ทว่าเขาเพิ่งมาถึงก็เห็นว่ามารดาเป็นลมหมดสติ ฉับพลันนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
แม่นมบอกเล่าเรื่องราวออกมาด้วยสีหน้าซีดขาวตัวสั่นเทิ้ม ครั้นกู้ชิงซิวรู้ว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีแก้ไขก็สั่งให้คนตามไปทันทีโดยไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัว
คนอื่นไม่รู้ ในใจเขากลับรู้ดี ตอนนั้นซ่งหลินเป็นผู้เยาว์ที่บิดาตั้งความหวังเอาไว้ เขาเองก็เป็นสหายที่ดีกับซ่งหลิน
แต่ภายหลังทั้งสองคนก็ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเพราะกู้อวิ๋นเวย
ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลซ่งก็ไม่มีทางทำร้ายพวกเขา
“ซ่งฮูหยิน แม่นางซ่ง ช้าก่อนขอรับ”
บ่าวรับใช้ตามมาอย่างเร่งร้อน คิดถึงคำสั่งของคุณชายรองของตนแล้วก็แสดงคารวะอย่างนอบน้อม ตามด้วยกล่าวว่า
“ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านข้าหมดสติไป อาการน่าเป็นห่วงยิ่ง คุณชายรองได้ยินว่าท่านทั้งสองมีวิธีช่วยฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งยังทราบว่าเมื่อครู่เป็นคนของพวกเราที่ทำไม่ถูกจึงให้ข้ามาขออภัยขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง