เดิมนั้นหลิ่วหรูเยียนไม่อยากทำลายวันอันดีงามเช่นนี้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลหลิ่วมีการเตรียมตัวมาก่อน ถึงนางไม่อยากแค่ไหนก็ไร้ทางเลือก
แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาฉวยโอกาสนี้มาบีบคั้น มิสู้ทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตไปเสียเลย ให้ทุกคนเห็นว่าตกลงแล้วตระกูลหลิ่วมีเหตุผลหรือไม่!
“ตอนนั้นเป็นพวกเจ้าที่บีบให้ข้ายกร้านขายไก่ทอดให้พวกเจ้า ร้านนี้พวกเด็กๆ ทุ่มเทไปมากกว่าจะเปิดมาได้ ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ย่อมไม่อาจยกของของพวกเขาให้พวกเจ้า”
“แต่เจ้ากลับตำหนิข้าเพราะเรื่องนี้ ท่านแม่ก็โกรธเคืองเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ราวกับว่าถ้าข้าไม่ยกร้านให้พวกเจ้าก็ไม่คู่ควรใช้แซ่หลิ่วกระนั้น”
หลิ่วหรูเยียนดวงตาแดงก่ำ ฝืนพูดต่อไปอย่างเข้มแข็งว่า “หลายปีมานี้ จะที่นาหรือร้านค้าข้าล้วนจุนเจือไปไม่น้อย ไม่เพียงแค่ตระกูลหลิ่ว ตระกูลซุนข้าก็ช่วยเหลือจุนเจือเหมือนกัน”
“ร้านค้าสามร้านที่ถนนบูรพา ร้านค้าห้าร้านที่ถนนประจิม แต่ละปีมีกำไรหนึ่งหมื่นหกพันตำลึงข้าก็ยกให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว ตระกูลซุนต้องการร้านค้าที่ถนนทักษิณ ทำกำไรไม่น้อยเหมือนกัน”
“ทุกอย่างที่ข้าสามารถให้ได้ ข้าล้วนให้ไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งของของพวกเด็กๆ ให้พวกเจ้าได้”
“นอกจากเป็นลูกสาวตระกูลหลิ่ว ข้ายังเป็นแม่คนหนึ่ง คนที่เอ่ยปากตัดสัมพันธ์ก่อนคือพวกเจ้า ตอนนี้ไยน้องสาวจึงมาทำเช่นนี้อีกเล่า?”
“ข้ารู้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ตำแหน่งข้าในใจท่านพ่อท่านแม่สู้เจ้าไม่ได้เลยสักนิด ต่อให้มือเจ้าเป็นแผลเล็กๆ แผลเดียว ถึงข้าหกล้มหัวร้างข้างแตกก็ยังไม่ทำให้พวกเขาปวดใจเท่ากับเจ้า”
“เรื่องพวกนี้ข้าเข้าใจดี บัดนี้ไยต้องใช้คำพูดพวกนี้มาทำลบหลู่ข้า?”
“หรือจะต้องให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนข้าต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ บังคับให้ข้าขอโทษเจ้า มอบทุกอย่างที่เจ้าอยากได้ออกไปถึงจะพอใจงั้นรึ!”
หลิ่วหรูเยียนราวกับได้รับความเจ็บช้ำใจสุดแสน ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เก็บกลั้นเอาไว้ไม่ยอมแสดงออกล้วนระเบิดออกมาในชั่วขณะนั้นเอง ท่าทางเช่นนั้นย่อมสมจริงกว่าท่าทางเสแสร้งของหลิ่วเฟยเยี่ยนมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนไม่จำเป็นต้องถามไถ่ เพียงแค่ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยเลือดและน้ำตาเหล่านี้ก็ล่วงรู้ได้ว่าหลายปีนี้หลิ่วหรูเยียนได้รับความเจ็บช้ำใจมามากมายเพียงใด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง