“พี่หญิง ในใจท่านข้าไม่น่าเชื่อถือปานนั้นเชียวหรือ ท่านถึงได้ใส่ร้ายข้าต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้?”
หลิ่วเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวอีกแล้ว ดี ต่อไปข้าจะอยู่ห่างๆ ท่านก็ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ท่านแค่โทษข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านมากเลยนะ”
“หรูเยียน พวกเราล้วนแต่เป็นคนในครอบครัว เจ้ากับเฟยเยี่ยนโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ยามนี้กลับทะเลาะจนถึงขั้นพี่น้องแตกหักกันแค่เพื่อร้านค้าร้านเดียวออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว”
“ต่อไปนางไม่กล้าเรียกร้องร้านขายไก่ทอดอีกแล้ว เจ้าก็หายโกรธเถอะนะ พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันดีหรือไม่?” นายหญิงหลิ่วกล่าวทั้งน้ำตาคลอ
หากเป็นเมื่อก่อน หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วเป็นเช่นนี้จะต้องใจอ่อนแน่นอน นางจิตใจดีงามมาตลอด ทนเห็นผู้อาวุโสเสียใจไม่ได้
แต่หลังจากรู้ว่านางไม่ใช่ลูกบังเกิดเกล้าของอีกฝ่าย ทุกอย่างนี้กลับแลดูน่าขันยิ่งนัก
นางถึงกับถูกมารดาจอมปลอมเช่นนี้บีบคั้นมาเสียหลายปี!
ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ฝ่ายหลังเข้าใจได้ในทันทีจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“ท่านยาย ท่านแม่ย่อมยินดีเห็นคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองอยู่แล้ว หลายปีมานี้เรื่องไหนที่ท่านแม่ทำได้ก็ล้วนแต่ทำมาหมดแล้ว”
“ขอเพียงพวกท่านรับปากว่าวันหน้าจะไม่เรียกร้องที่นาร้านค้ารวมถึงเงินทองจากท่านแม่อีก เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา พวกข้าจะไม่ยอมรับท่านน้าได้อย่างไรกัน?”
ซ่งอี้อันรีบเสริมมาทันที “อาศัยโอกาสในวันนี้พูดต่อหน้าทุกคนให้ชัดเจนไปเลยเถอะขอรับ จะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงของท่านตากับท่านยายเสื่อมเสีย”
ซ่งรั่วเจินอมยิ้มยืนอยู่ข้างๆ ผสมโรงตามมาว่า “ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันดีเหลือเกิน พูดกันให้ชัดเจน วันหน้าทุกคนก็จะได้อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว”
คำพูดเหล่านี้หลิ่วหรูเยียนที่เป็นบุตรสาวไม่สะดวกจะพูดออกมา แต่พวกเขาที่เห็นมารดาได้รับความเจ็บช้ำใจมามากกว่าหนึ่งครั้งกลับเหมาะสมเป็นที่สุดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง