“นึกถึงเมื่อข้าก็ได้ยินถึงความสง่างามของเสด็จพี่มาตลอด ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้กลายมาเป็นพี่น้องกัน วันหน้ามิสู้วันนี้ ถ้าหากเสด็จพี่ไม่รังเกียจก็ให้ข้าได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อเย็นได้หรือไม่?”
ฉู่จวินถิงมองฉู่จิ่นหวยและอู๋เมี่ยวเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ “ในเมื่อเจ้ามีคนที่นัดไว้แล้ว แล้วยังต้องรักษาท่านป้าอีก ธุระสำคัญไม่ควรชักช้า ค่อยเลี้ยงวันหลังเถิด”
อย่างไรก็ตาม ฉู่จิ่นหวยนั้นกลับไม่อยากจะเลิกล้ม เขายิ้มพูด “มิเป็นไร คุณหนูอู๋เพียงแค่แนะนำหมอเทวดาให้ข้าเท่านั้น ค่อยส่งเด็กรับใช้ไปส่งท่านหมอมาที่จวนก็ได้”
ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนซูย่อมเข้าใจดี หมอเทวดาที่แนะนำสามารถส่งคนมารับไปที่จวนเซียงอ๋องได้โดยตรง
อู๋เมี่ยวเสวียนกลับมิได้ทำเช่นนั้น นั่นเพราะเขาต้องการใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อมาพบฉู่จิ่นหวย
“คุณหนูซ่ง ที่จริงแล้วข้าคิดว่าอาการฝันร้ายของท่านแม่นั้นแปลก ข้าได้ยินว่าเจ้าเก่งในศาสตร์ลึกลับ ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะจากเจ้าหน่อย
ข้าไม่มั่นใจ กังวลว่าการไปที่จวนนั้นจะยิ่งรบกวนเจ้า ในเมื่อยามนี้ได้พบเจ้าแล้วจึงอยากจะถาม”
ฉู่จิ่นหวยพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมา
เมื่อฟังคำพูดนั้น ซ่งรั่วเจินนั้นกระจ่างทันที “ครั้งก่อนตอนที่ได้พบพระชายาเซียนอ๋องคล้ายว่ายังไม่มีอาการใด เป็นอาการที่เกิดขึ้นกะทันหันช่วงนี้หรือ?”
ฉู่จิ่นหวยพยักหน้าแล้วมองไปรอบ ๆ “ที่ตรงนี้มีผู้คนมากมาย ไปคุยที่ห้องส่วนตัวดีหรือไม่?”
ซ่งรั่วเจินมองไปที่ฉู่จวินถิงอย่างไม่รู้ตัว เห็นเพียงแต่อีกฝ่ายใบหน้าเย็นชา ปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ความอ่อนโยนและอบอุ่นในตอนที่อยู่กับนางใบหน้าที่หล่อเหลาขาดหายไป ในตอนนี้เห็นชัดว่า…ไม่สบอารมณ์
ฉู่จวินถิงมองน้องชายที่ขาดความสามารถในการสังเกต ดูไม่น่าชื่นชอบเสียเลย
“ท่านอ๋อง ซื่อจื่อน้อยห่วงใยคนในครอบครัวเช่นกัน มิอย่างนั้นพวกเรามากินอาหารเย็นร่วมกันดีหรือไม่เพคะ?”
ซ่งรั่วเจินแอบยื่นมือไปกระตุกแขนเสื้อของฉู่จวินถิงเบา ๆ ดวงตานั้นเปล่งประกายสดใสกะพริบ ๆ น้ำเสียงนั้นเจือความออดอ้อน
ฉู่จวินถิงมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างกาย แล้วเหลือบไปที่ฉู่จิ่นหวยอย่างรังเกียจ “มิใช่ว่าไม่ได้ แต่คุณหนูที่อยู่ข้างกายเจ้านั้น ลืมเรื่องใดไปหรือไม่?”
ฉู่จิ่นหวยหันไปมองอู๋เมี่ยวเสวียน แล้วถาม “เจ้าลืมเรื่องอันใดกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง