“เมื่อวานคุณหนูตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่สามารถช่วยได้ก็ช่างเถอะ ยังต้องให้คุณหนูปกป้องข้าอีกด้วย หากข้าเองก็เป็นวิชายุทธ ภายภาคหน้าก็สามารถปกป้องคุณหนูดีๆ ได้แล้ว”
“ท่านอ๋องมิใช่เลือกสาวใช้เป็นวิชายุทธสองคนมอบให้คุณหนูซ่งแล้วหรือ?”
“ไป๋จื่อและชิงเถิงวิชายุทธแข็งแกร่งอย่างมาก เป็นท่านอ๋องคัดเลือกด้วยตนเองอย่างใส่ใจ เหตุใดเจ้าต้องเรียนวิชายุทธด้วยเล่า?”
อวิ๋นหยางมองเฉินเซียงแวบหนึ่ง พูดว่า “เรียนวิชายุทธต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก ตอนนี้เจ้าเพิ่งเริ่ม น่ากลัวว่าช้าไปบ้าง ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”
เฉินเซียงที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสียใจได้ยินถ้อยคำนี้ก็ชะงักไป จากนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงระคนดีใจ “เจ้าพูดว่าสาวใช้สองคนนั้นเป็นท่านอ๋องส่งมาหรือ?”
“ใช่แล้ว” อวิ๋นหยางพยักหน้า
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เฉินเซียงหัวเราะตบหน้าอก ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใบหน้าเรียวเล็กเบิกบานขึ้นมา “ท่านอ๋องดีต่อคุณหนูเหลือเกิน!”
อวิ๋นหยาง “???”
ซ่งรั่วเจินมองมื้อเช้าตรงหน้า ทั้งหมดล้วนเป็นรสชาติที่นางชอบ ลอบตกตะลึงภายในใจ ฉู่จวินถิงรู้ความชอบของนางถึงเพียงนี้เชียว!
“เป็นอันใด? ไม่ถูกปากหรือ?” ฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินไม่ขยับตะเกียบเสียที สบมองตนอยู่ตลอด เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ทั้งหมดเป็นของที่หม่อมฉันชอบกิน ท่านรู้ได้เยี่ยงไร?”
“หากไม่รู้แม้แต่รสชาติที่แม่นางในดวงใจชอบ นั่นก็ละเลยเกินไปแล้ว” ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “เมื่อวานเจ้าเหนื่อย วันนี้กินมากหน่อยเถอะ”
มุมปากซ่งรั่วเจินยกขึ้นเบาๆ ไม่สงวนท่าทีอีก กินอย่างเป็นธรรมชาติต่อหน้าฉู่จวินถิง
“ยาที่มอบให้เจ้าก่อนหน้านี้ มีไว้ใช้ในค่ายทหาร ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม อีกเดี๋ยวต้องทาสักหนึ่งรอบ เดี๋ยวเดียวก็หายเจ็บ” สายตาฉู่จวินถิงสำรวจหนึ่งรอบ “วางไว้ที่ใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง