“พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คุณหนูซ่งคือผู้มีพระคุณของข้า เดิมทีข้าควรไปขอบคุณด้วยตนเอง แต่ช่วงนี้อยู่ระหว่างการพักฟื้น จนถึงวันนี้เพิ่งจะดีขึ้นหน่อย”
ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นว่าเช่ออ๋องเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ คนคนนี้…กำลังทำสิ่งใดอยู่กัน?
เรื่องเมื่อครั้งก่อน พวกเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ ตราบใดที่องค์ชายใหญ่ไม่ทำตัวโง่เขลา ก็ไม่น่าจะทำให้เช่ออ๋องคลางแคลงใจได้ แล้วเหตุใดเช่ออ๋องยังต้องมาขอบคุณตระกูลซ่งกัน?
“ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องได้แสดงความขอบคุณแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าใครเห็นล้วนต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจเพคะ”
อย่างไรก็ตาม ฉู่เทียนเช่อยกมือขึ้นพูดว่า "นี่คือมารยาทที่ควรมี พรุ่งนี้ข้าจะไปเอง คุณหนูซ่งคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่?"
ซ่งรั่วเจินหัวเราะแห้งๆ เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว แม้คิดจะปฏิเสธก็คงทำไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
“ไม่อย่างแน่นอน การที่ท่านอ๋องมาถือเป็นโชคดีของพวกเราเพคะ”
เมื่อถังเสวี่ยหนิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เห็นฉากนี้ ในใจก็ลอบรู้สึกประหลาดใจ
แม้ว่าเช่ออ๋องจะดูเป็นมิตรเข้าถึงได้ง่าย ทว่าท่าทีที่มีต่อซ่งรั่วเจินในขณะนี้ไม่สนิทสนมเกินไปหน่อยหรือ?
ฉู่เทียนเช่อกลับไม่รู้สึกอะไรเลย สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ “แม่นางหลิง ข้าจำได้ว่าเมื่อเจ้ายังเด็ก เจ้าชอบตามหลังน้องสามมากที่สุด ยังบอกด้วยต้องการแต่งงานกับน้องสาม พอนึกย้อนกลับไปมันช่างน่าสนใจจริงๆ"
“นั่นเป็นเรื่องขบขันในวัยเด็ก ท่านอ๋องอย่าล้อเลียนหม่อมฉันนักเลยเพคะ” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์พูดด้วยรอยยิ้มจาง
ซ่งรั่วเจินสังเกตหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตรงหน้า ตั้งแต่หญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และแต้มโชคของนางก็สูงกว่าคนทั่วไปเสียด้วย
เมื่อครู่ที่เดินมาพร้อมฉู่มู่เหยา โชคกลับสูสีกันอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยทั่วไปแล้ว โชคขององค์ชายองค์หญิงย่อมสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป แม้ว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์จะมีชาติกำเนิดสูงส่ง ทว่าหากเทียบกับองค์หญิงย่อมมีช่องว่างอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะนี้หลังจากสังเกตอย่างใกล้ชิด นางพบว่าโชคนั้นแฝงด้วยกลิ่นคาวเลือดจางๆ ซึ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง