เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ในใจกระตุกวูบ
“มิเพียงเท่านั้น พ่อค้าผู้มั่งคั่งเหล่านี้ย่อมต้องมีเครือข่ายติดต่อกัน มิต้องรอให้เราไปถึง เกรงว่าพวกเขาก็คงได้รับข่าวและเตรียมการรับมือล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว”
ฉู่จวินถิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง นี่เองก็เป็นเหตุผลที่เขาคัดค้านข้อเสนอของฉู่เทียนเช่อก่อนหน้านี้
หลายเรื่องมิอาจมองเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า วิธีการแก้ไขเพียงแค่ปลายเหตุ แต่ไม่จัดการที่ต้นเหตุ หากเป็นเพียงเมืองเดียวก็อาจนับว่าเป็นวิธีที่ใช้ได้ แต่หากเป็นสถานการณ์ในวงกว้างเช่นนี้ย่อมใช้ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน
เมื่อราชครูกู้ได้ฟังการวิเคราะห์ของฉู่จวินถิงและซ่งรั่วเจิน ก็พลันตระหนักได้ว่าเด็กทั้งสองแม้อายุยังน้อย แต่กลับพิจารณาเรื่องราวที่ต้องแก้ไขได้อย่างรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาจึงฉายแววพึงพอใจออกมา
“หากเราต้องการแก้ไขเรื่องนี้ ก็ควรไปดูสถานการณ์ของนายอำเภอเสียก่อน” ราชครูกู้กล่าว
ทุกคนต่างพยักหน้าไปตาม ๆ กัน แท้จริงแล้ว สถานการณ์ในเมืองไห่เทียนผู้ที่รู้ดีที่สุดย่อมเป็นนายอำเภอ หากพวกเขาไปสอบถามสักหน่อยก็คงทราบเรื่องราวทั้งหมด
“กระหม่อม จ้าวชิงหยวน นายอำเภอไห่เทียน ขอคารวะต่อฉู่อ๋องและราชครูกู้”
เมื่อนายอำเภอรู้ว่าฉู่อ๋องเสด็จมาเยือนถึงเมืองไห่เทียน ก็ตื่นตกใจจนรีบออกมาต้อนรับอย่างนอบน้อม
ทุกคนมองพินิจไปที่นายอำเภอตรงหน้า เขาอายุราวสี่สิบปี ใบหน้าสุขุมได้รูป แต่งกายเรียบง่ายเป็นอย่างมาก แต่ก็มิรู้ว่าเขาจงใจเปลี่ยนชุดหลังจากได้ข่าว หรือว่าในวันปกติก็แต่งกายเช่นนี้อยู่แล้ว
ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองจ้าวชิงหยวนอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ท่าทีเปี่ยมไปด้วยอำนาจอย่างเห็นได้ชัด
“จ้าวชิงหยวน เจ้ามีศักดิ์เป็นนายอำเภอของราษฎรแห่งเมืองไห่เทียน บัดนี้มีประชาชนมากมายที่มิมีข้าวกินและถึงขั้นต้องหิวตาย เจ้าทำหน้าที่ของนายอำเภอเช่นนี้หรือ?”
“ขอประทานอภัยท่านอ๋อง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง