ประจวบกับยามนั้นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์สังเกตเห็นพลุสัญญาณที่ยิงขึ้นท้องฟ้าพอดี นี่เป็นสัญญาณระหว่างพวกนางโดยเฉพาะ
แม้ตอนกลางวันจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่นางสามารถดูออกได้ในทันทีว่าพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ตอนนี้คงกำลังถูกพวกฉู่จวินถิงตามล่าอยู่!
ถ้าถูกจับตัวได้จริงๆ ทั้งตระกูลหลิงคงถึงคราวพินาศแล้ว!
จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์อยากรุดไปทันทีใจจะขาด แต่พอคิดถึงว่าฉู่เทียนเช่อยังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าช่างยุ่งยากโดยแท้
“เช่ออ๋องเพคะ ดูจากข้อมูลที่สืบมาได้ พี่ใหญ่ของหม่อมฉันคงอยู่แถวนี้นี่เอง แต่ขอบเขตกินบริเวณกว้างเกินไป มิสู้พวกเราแยกกันตามหาดีกว่าเพคะ ทำแบบนี้จะได้เร็วขึ้นหน่อย” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เสนอขึ้นมา
ฉู่เทียนเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิมน่ะสิ? ข้าไปกับเจ้าดีกว่าจะได้วางใจได้บ้าง”
“ถ้าจะต้องแยกกันตามหา ให้พวกเขาแยกย้ายไปก็ได้”
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กำหมัดแน่น ฉู่เทียนเช่อผู้นี้เหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขอย่างไรอย่างนั้น สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด!
ถ้ายังสลัดไม่หลุดแบบนี้ต่อไป พวกนางก็จะไปไม่ทันแล้ว!
“เช่ออ๋อง หม่อมฉันเป็นห่วงพี่ใหญ่มาก ตอนนี้คงไม่มีเวลามาสนใจท่านแล้ว หม่อมฉันขอตัวไปตามหาก่อนนะเพคะ!”
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ห้อม้ารุดไปข้างหน้าด้วยสีหน้ากังวลใจ คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ทยอยตามไปด้วย
ฉู่เทียนเช่อเดิมก็มีความคิดอยากหยั่งเชิงหลิงเชี่ยนเอ๋อร์อยู่แล้ว ยามนี้เห็นนางพูดจบก็หนีไป ในใจยิ่งสงสัยกว่าเดิม เขาจึงตามไปทันที
ทว่าฉู่เทียนเช่อประเมินความสามารถของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ไว้ต่ำเกินไป อยู่ท่ามกลางป่าเขาเช่นนี้นางยังสามารถเคลื่อนไหวเหมือนอยู่ในที่ราบ ชั่วพริบตาเดียวก็ลับหายไร้ร่องรอยเสียแล้ว
“เร็วปานนี้เชียว?”
ฉู่เทียนเช่อประหลาดใจ ยามปกติเขาก็ฝึกฝนขี่ม้ายิงธนูเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับฉู่จวินถิงที่ต้องนำทัพออกรบตามป่าเขาอยู่บ่อยๆ ย่อมมีความเหลื่อมล้ำกันเป็นธรรมดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง