ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินอิ่มเสียที นอกจากนี้ การมาถึงของฉู่อ๋องและราชครูกู้ยังทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังที่จะได้สร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หลังจากซ่งจิ่งเซินมาถึงแล้วก็นำเสบียงอาหารที่จำเป็นมาด้วยเต็มลำเรือ ฉู่จวินถิงรับซื้อในราคาสูง หลังจากนั้นก็มีเสบียงอาหารทยอยมาถึงมากกว่าเดิม เสบียงในเมืองจึงไม่ขาดแคลนอีกต่อไป
พ่อค้าร่ำรวยในเมืองผิงหยางเห็นตระกูลสือประสบเคราะห์ ตระกูลเฉากับตระกูลเหยาก็ทยอยได้รับผลกระทบ ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้ากักตุนเสบียง ทยอยนำออกมาลดราคาขาย
ซ่งรั่วเจินมองดูฉู่จวินถิงหาคนจำนวนหนึ่งมาหารือกันว่าจะสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้อย่างไร
เนื่องจากอุทกภัยก่อนหน้านี้ไม่เพียงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนไร่นา สะพานก็ยังถูกน้ำซัดจนถล่ม
แม้ซ่งรั่วเจินจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องด้านนี้นัก แต่ดีชั่วอย่างไรนางก็เป็นคนที่ทะลุมิติมา ไม่เคยกินหมูก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งมาก่อนจึงเสนอความรู้เชิงทฤษฎีบางอย่างออกมา
ภายหลังยังนำกระดาษและพู่กันมาวาดภาพร่างสะพานลงไป
จำต้องยอมรับว่าคนที่ฉู่จวินถิงหามาล้วนแต่ร้ายกาจ หลังจากนางวาดภาพร่างเสร็จ คนอื่นๆ ก็มองเห็นจุดที่เป็นข้อดีได้ในทันที
“คิดไม่ถึงว่าแม่นางซ่งจะมีความรู้เกี่ยวกับสะพานขนาดนี้ เติมมุมแหลมไว้ตรงหน้าสะพานโค้งสามารถลดทอนแรงกระแทกของคลื่นน้ำที่กระทำต่อหน้าสะพานได้ ถ้าเกิดอุทกภัยขึ้นอีกครั้งก็คงไม่ถล่มง่ายๆ แล้ว!”
“แล้วถ้าขุดอุโมงค์ใต้สะพานเช่นนี้อีกสักหลายแห่ง ไม่เพียงแต่สามารถลดความเร็วน้ำ แต่ยังสามารถลดน้ำหนักที่สะพานต้องแบกรับได้อีกด้วย!”
“ไม่เพียงเท่านี้ ดูแล้วยังสวยงามกว่าสะพานหินทั่วไปอีกต่างหาก!”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย ปากเอ่ยคำชมไม่หยุดแล้วเริ่มศึกษาทันทีว่าสะพานนี้ควรสร้างขึ้นใหม่อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง