“จ้าวฮูหยิน สถานการณ์ของคุณชายจ้าวมิอาจปล่อยให้ล่าช้าได้อีก หากปล่อยให้ล่าช้าต่อไป เกรงว่ายากที่จะมีชีวิตรอด”
ซ่งรั่วเจินเหลือบตามองเฉียนหย่าหลินเล็กน้อย “หากคุณชายจ้าวต้องเป็นอะไรไปเพราะการขัดขวางของท่าน ท่านจะรับผิดชอบไหวใช่หรือไม่?”
เฉียนหย่าหลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรไร้สาระ? ซวี่ไป๋จะไม่เป็นอะไร!”
ก่อนหน้านี้ฉู่อวิ๋นกุยก็รู้เรื่องที่เฉียนหย่าหลินกับซ่งรั่วเจินขัดแย้งกันมาก่อน วันนี้จึงถือเป็นการได้เห็นว่า แท้จริงแล้วสตรีนางนี้บ้าคลั่งขนาดไหน ฉู่เทียนเช่อสามารถทนกับฮูหยินเช่นนางได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากยิ่งนัก!
“ไสหัวไป!”
ฉู่จวินถิงส่งสายตาหนึ่งที เพื่อให้อวิ๋นหยางไล่เฉียนหย่าหลินออกไปทันที
“ท่านน้า ท่านดูสิว่าพวกเขาทำกับข้าเช่นไร! ท่านอย่าทำร้ายซวี่ไป๋เลยนะ!” เฉียนหย่าหลินพูดด้วยความร้อนรน
นายหญิงจ้าวมีสีหน้าอับอาย พลางกล่าวว่า “ขออภัยจริง ๆ เฉียนหย่าหลินชินกับความเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก พูดจาไม่คำนึงถึงความเหมาะสม พวกท่านทั้งหลายอย่าถือสาเลยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วจ้าวซวี่ไป๋กับเฉียนหย่าหลินเป็นญาติกัน เมืองหลวงช่างกลมจริง ๆ
“ดูท่าแล้ว เรื่องครั้งก่อนนางคงยังมิได้รับบทเรียน”
ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา ทว่าน้ำเสียงไม่แยแสกลับทำให้ใจคนฟังสะดุ้ง นายหญิงจ้าวเองก็เริ่มมีลางไม่ดีในใจ
จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเพราะนังเด็กเฉียนหย่าหลินผู้นี้ที่ปากไม่มีหูรูด แม้แม่นางซ่งยังไม่ได้แต่งงานกับฉู่อ๋อง แต่บัดนี้ทั้งเมืองหลวง ใครเล่าจะไม่รู้ว่านางคือผู้ที่ฉู่อ๋องให้ความสำคัญมากที่สุด?
นางกลับไปหาเรื่องแม่นางซ่ง อีกทั้งยังพูดจาไม่น่าฟังเช่นนี้อีก นี่มันหาเรื่องใส่ตัวมิใช่หรือ?
ฉู่อวิ๋นกุยก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน “บ้าคลั่งจนเกินไปแล้ว อ้าปากทีก็มีแต่คำด่า แม่นางจากตระกูลใหญ่อะไรกัน นี่มันหยาบคายจนมิอาจทนได้ต่างหาก!”
ระหว่างที่พูด เขาก็มองไปที่ซ่งรั่วเจินด้วยความรู้สึกขอโทษอย่างสุดซึ้ง “พี่สะใภ้ ข้าต้องขอโทษจริง ๆ วันนี้ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ ข้าจะชดใช้ให้เป็นแน่!”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...