ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 101

เซวียซื่อตื่นเต้นจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนจมูกและฝ่ามือ แทบรอไม่ไหวที่จะคุกเข่าแทบเท้าเหลิ่งชิงฮวนพร้อมกับโขกหัวคำนับแล้วเรียกเธอว่านายหญิง

“อิทธิพลของจินซื่อแม้แต่ท่านเสนาบดีก็ยังต้องหลีกทาง แม้ว่าพระนางจะจับเล่ห์เหลี่ยมของจินซื่อได้ เกรงว่าท่านมหาเสนาบดีก็คงจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”

“ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องปกป้องนางไปเสียทุกเรื่อง” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “ข้าออกหน้าต่อกรกับจินซื่อแล้ว ส่วนเจ้าจะสามารถฉวยโอกาสเลื่อนตำแหน่งได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า”

ความยินดีปรีดาบนใบหน้าของเซวียซื่อนั้นปิดไม่มิด “หากพระชายาต้องการใช้งานอะไรหม่อมฉันจะบุกน้ำลุยไฟทำให้เจ้าค่ะ”

เป็นคนที่เฉลียวฉลาดเสียจริง

“ข้ามีสามเรื่องที่จะมอบหมายให้เจ้า และถือเป็นข้อตกลงระหว่างเรา”

“ขอแค่หม่อมฉันสามารถทำได้ก็จะทุ่มสุดกำลังเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนเลิกคิ้วเบาๆ “ข้อแรกบุปผามิอาจผลิบานตลอดกาลฉันใด จันทราก็มิได้กลมทุกคืนวันฉันนั้น ต่อไปไม่ว่าข้าและท่านพี่จะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำ เมื่อใดที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหวังว่าเจ้าจะจำน้ำใจครั้งนี้ได้”

“แน่นอนเจ้าค่ะ” เซวียอี๋เหนียงตอบรับ

เหลิ่งชิงฮวนยกยิ้มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้อสอง ข้าเข้าใจได้ว่าเจ้าต้องการขึ้นเป็นคุณนายจวนมหาเสนาบดี แต่ว่าอย่าทะเยอทะยานมากเกินไป หวังว่าเจ้าจะรู้จักสงบเสงี่ยม ดูแลเรือนหลังให้ดี อย่าได้ละโมบโลภมาก”

เซวียอี๋เหนียงยกมือขึ้นมาสัญญา “หม่อมฉันเกิดมาต่ำต้อย จะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? คุณหนูใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนส่งเสียงตอบรับในลำคอ “อีกข้อก็สำคัญ ข้าจับเล่ห์เหลี่ยมของจินซื่อได้แต่ก็ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะทำให้นางกลับตัวไม่ได้ ข้าต้องการให้เจ้าร่วมมือช่วย”

จวนอ๋องฉี

ดึกแล้วแต่มู่หรงฉียังคงอยู่ในห้องตำรา

การเล่นพิเรนทร์ของเหลิ่งชิงฮวนนำให้ทหารอารักขาต่างลำบากใจ หลังจากที่เจอเรื่องวุ่นวายมาทั้งวัน พอได้ชำระล้างร่างกายและใช้เครื่องหอมระบายก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พึงพอใจ

หลังจากที่เหลิ่งชิงฮวนจากไปตำหนักฉาวเทียนก็ว่างเปล่า มู่หรงฉีเดินวนอยู่หน้าประตูแต่ก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สู้กลับไปที่ห้องตำราของตนดีกว่า

เปรียบเทียบให้เห็นชัด อาหารชนิดเดียวกันจะอร่อยกว่าเสมอเมื่อคนสองคนแย่งกันกิน

ไม่มีเหลิ่งชิงฮวนตำหนักฉาวเทียนที่เปล่าเปลี่ยวจะมีความหมายอะไร?

ทหารอารักขาเข้ามารายงานพร้อมกับเหลิ่งชิงหลางที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและเอ่ยทักทายมู่หรงฉี

ดวงตาและคิ้วของมู่หรงฉีดูอ่อนลง “มีเรื่องอะไรรึ?”

เหลิ่งชิงหลางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย “หากไม่มีเรื่องอะไรจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋องมิได้หรือเพคะ? ท่านอ๋องไม่ไปที่เรือนจื่อเถิงของหม่อมฉันหายวันแล้วนะเพคะ”

มู่หรงฉีเอ่ยเสียงเรียบ “ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง”

เหลิ่งชิงหลางหยิบถุงกระดาษจากมือของแม่จ้าวที่อยู่ด้านหลัง เดินไปหามู่หรงฉีราวกับต้นหลิวลู่ลม

“ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่กล้ามารบกวนท่านอ๋อง ได้แต่ดูแลตัวเองอยู่เรือนจื่อเถิง บังเอิญหม่อมฉันไปเปิดสินเดิมดูก็เจอของที่คิดว่าท่านอ๋องน่าจะชอบจึงนำมาให้เพคะ”

มู่หรงฉีมองถุงกระดาษสี่เหลี่ยมในมือนาง “อะไรหรือ?”

เหลิ่งชิงหลางฉีกกระดาษด้านนอกออกเผยให้เห็นหนังสือสองเล่มข้างใน

“ครั้งก่อนที่หม่อมฉันมาที่ห้องตำราก็แอบเห็นว่าท่านอ๋องเป็นคนรักหนังสือ สองเล่มนี้คือบันทึกทางประวัติศาสตร์เนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการปกครองประเทศที่รวบรวมไว้โดยนักปราชญ์ชาวจีนผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ก่อนๆ ที่หม่อมฉันหวงแหนมาก หม่อมฉันชื่นชมความเห็นของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้แต่หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเมือง ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะชอบหรือไม่”

มู่หรงฉีเลิกคิ้วด้วยความสนใจ เปิดหน้าหนังสืออ่านอย่างระมัดระวังสองหน้า พยักหน้าและชมเชย "เฉียบแหลมจริงๆ ความเห็นก็ช่างเฉียบคม"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา