ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 102

“ใช้หมึกและพู่กันที่นำไปจากจวนหรือ?”

“ใช่ขอรับ”

จินซื่อถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่นางก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ถ้าเหลิ่งชิงเฮ่อป่วยหนักจริงๆ อย่างที่เขาพูด ความสัมพันธ์ของเขากับเหลิ่งชิงฮวนดีขนาดนั้น จะให้นางข่มอารมณ์ไว้ได้อย่างไร

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งนางก็รู้สึกกระสับกระส่าย จึงสั่งให้คนถือตะเกียงและไปที่สวนของเซวียซื่อเพราะวันนี้ท่านมหาเสนาบดีมาพักผ่อนที่นั่น

เมื่อเห็นว่านางมาหาดึกๆ ดื่นๆ ก็เข้าใจได้ว่าคงมีเรื่องสำคัญจึงรีบสวมเสื้อผ้าออกมาพบนาง

จินซื่อเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม "ชิงเฮ่อออกไปจากจวนได้ระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะสั่งให้หมิงเย่ว์และชิงเฟิงดูแลเขาให้ดีแต่หม่อมฉันก็ยังรู้สึกเป็นกังวล พรุ่งนี้จึงอยากจะออกจากเมืองไปหาเขา หากอาการของเขายังไม่ดีขึ้นไม่สู้ให้เขากลับจวนมาจะดีกว่าไหมเพคะ อย่างไรเสียที่นั่นก็ลำบากเกินไปนะเพคะ"

หลังจากที่เสนาบดีเหลิ่งได้ฟังคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนในวันนี้ก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้ยินที่จินซื่อพูดก็พยักหน้าทันที “พรุ่งนี้เจ้าก็อย่าเพิ่งรีบร้อน รอข้าเสร็จจากว่าราชการแล้วข้าจะไปกับเจ้า”

จินซื่อแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบตกลงก่อนจะกลับไป

ม่านด้านหลังสั่น เซวียอี๋เหนียงครุ่นคิดและโบกมือเรียกสาวใช้

เช้าวันต่อมาเมื่อเสนาบดีเหลิ่งว่าราชการเสร็จก็นั่งรถม้าออกไปนอกเมืองไปที่สุสานตระกูลเหลิ่งพร้อมกับจินซื่อ

ในช่วงเทศกาลเชงเม้ง เสนาบดีเหลิ่งมักจะมาที่นี่เพื่อถวายเครื่องหอมและเยี่ยมชมสุสานแต่เขาไม่รู้สึกว่ากระท่อมที่นี่โทรมสักเท่าไร แต่วันนี้พอเข้ามาดูใกล้ๆ มองดูกระท่อมมุงจากที่มืดและคับแคบก็อดรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้

มิน่าชิงฮวนถึงได้ประณามเขาอย่างรุนแรง อย่างไรเสียชิงเฮ่อก็เป็นคุณชายแห่งจวนมหาเสนาบดีของเขา แต่เขากลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากขุนนางคนอื่นรู้เรื่องนี้ตนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ยังไม่ทันจะได้เข้าไปในกระท่อมมุงจากเสียงไอของเหลิ่งชิงเฮ่อก็ดังออกมา เสียงนั้นไร้เรี่ยวแรงแผ่วเบาราวกับเสียงของชายชราที่ใกล้จะสิ้นใจ

มุมปากของจินซื่อโค้งขึ้นเป็นการเยาะเย้ย ดูเหมือนว่าสิ่งที่หมิงเย่ว์พูดจะเป็นความจริง ต่อให้เหลิ่งชิงฮวนมีพลังแล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้เหลิ่งชิงเฮ่อป่วยเกินเยียวยาแล้วแต่หมอที่เสนาบดีเหลิ่งหามาก็ไม่มีใครที่สามารถระบุได้ว่าเขาป่วยเป็นอะไร นางก็แค่เด็กผู้หญิงจะไปรู้เรื่องอะไร

ฝีเท้าของเสนาบดีเหลิ่งชะงักเขาลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกละอายใจ ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับลูกชายคนนี้ที่เขาเคยตั้งความหวังไว้สูงอย่างไร

คนที่อยู่ด้านหลังกระท่อมลดเสียงลงและโต้เถียงกัน

“ยาบำรุงเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณหนูใหญ่นำมาบำรุงร่างกายคุณชายแต่เจ้ากลับนำมันไปแลกเงินในตลาด หมิงเย่ว์ เจ้ากล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร”

“เจ้าเบาเสียงหน่อยอย่าให้คุณชายใหญ่ได้ยิน มันก็แค่ยาบำรุงไม่ใช่หรือ ใส่เข้าไปตุ๋นในน้ำแกงไก่ก็ไม่หลงเหลือรสชาติแล้ว เจ้าไม่พูดข้าไม่พูดคุณชายจะรู้ได้อย่างไร แล้วเรื่องจะไปถึงหูคุณหนูใหญ่ได้อย่างไรกัน”

จินซื่อผงะและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าแต่ถูกเสนาบดีเหลิ่งห้ามไว้

“คุณชายใหญ่ไม่ได้ใจร้ายกับพวกเรา เขาป่วยถึงขั้นนี้แล้วชีวิตแขวนอยู่บนฟางเส้นสุดท้าย เจ้ายังทำได้ลงหรือ?”

“ข้าถึงบอกว่าเจ้าน่ะไร้สมอง คนที่กำลังจะตายต่อให้กินโสมกินเห็ดหลินจือเข้าไปอีกเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้เอาไปแลกเงินเพื่อความสะดวกสบายของพวกเราในอนาคตดีกว่า ข้าจะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบหรอก พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง”

“ใครต้องการเงินเน่าๆ ของเจ้ากัน! ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ หมิงเย่ว์ วันนี้เจ้าขโมยยาบำรุงไปขายแกเงิน พรุ่งนี้เจ้าจะไม่เอาคุณชายไปขายเลยหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา