ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 104

มู่หรงฉีไม่มองเขา “พระชายาของข้าพักอยู่ในจวนนี้มาสองวันแล้วใช่หรือไม่”

หากคำนวณตามจริงก็แค่วันครึ่งเท่านั้น เสนาบดีเหลิ่งอยากจะเอ่ยขัดแต่ไม่กล้าจึงได้แต่พยักหน้า “ใช่ขอรับ”

“เช่นนั้นเสนาบดีเหลิ่งคิดจะให้นางพักอาศัยไปอีกนานเท่าไร”

เสนาบดีเหลิ่งไม่กล้าผลีผลามตอบ ควรให้เวลานานหรือสั้นกว่านี้ดี?

“นังหนูนางอาจจะอยากอยู่อีกสักสองวัน”

สีหน้าของมู่หรงฉีขรึมลง “ดูท่านจวนมหาเสนาบดีคงสบายกว่าจวนอ๋องของข้า”

“มิอาจๆ” เสนาบดีเหลิ่งปฏิเสธ “ข้าน้อยมิได้หย่อนยานเรื่องการสั่งสอนลูกสาว คอยดูแลสั่งสอนนางมาตลอด"

มู่หรงฉีกัดฟันอย่างไม่เข้าใจ “เช่นนั้นข้าจะมารับนางกลับจวนได้เมื่อไร”

เสนาบดีเหลิ่งเงยหน้าขึ้นทันที ทำอ้อมค้อมมาตั้งนาน เขารู้สึกได้ว่าท่านอ๋องผู้นี้คิดถึงภรรยาและต้องการพานางกลับบ้านจริงๆ

เขาเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนศีรษะ รู้สึกว่าท่านอ๋องผู้นี้รับใช้ยากกว่าฮ่องเต้ อย่างน้อยเขาก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาเป็นเวลานานและยังสามารถเข้าใจพระประสงค์ของฮ่องเต้ได้เพียงแวบเดียว แต่กับท่านอ๋องที่คาดเดาไม่ได้และอารมณ์แปรปรวนผู้นี้ โดยเฉพาะใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายและสายตาที่ไม่มีใครกล้ามองนั้นยากที่จะรับมือ

หรือว่าที่เหลิ่งชิงฮวนบอกว่าที่ท่านอ๋องเอาใจนางจะเป็นเรื่องจริง?

เท้าหน้าเพิ่งออกมาไม่นานเท้าหลังก็ตามมาติดๆ นี่ไม่ใช่ลักษณะของท่านอ๋องฉีเลยจริงๆ

“ตอนไหนก็ได้ขอรับ เมื่อครู่ข้าน้อยก็คิดจะสั่งให้รถม้าไปส่งพระชายากลับจวน”

“นางไม่ยอมกลับหรือ?” มู่หรงฉีเลิกคิ้ว

จินซื่อรับช่วงต่อ “ใช่เพคะ พระชายาไม่ยอมกลับจวน”

มู่หรงฉีหรี่ตาลงประกายความโกรธฉายขึ้นมาก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ช่างเถอะ ข้าจะมาเชิญนางกลับเอง”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เปลือกตาของเสนาบดีเหลิ่งสั่นไหว รู้สึกว่าความเอาใจใส่ของท่านอ๋องฉีค่อนข้างน่ากลัว ทำไมถึงได้รู้สึกว่าจะมีการฆ่าแกงกันเกิดขึ้นล่ะ?

เขาไม่กล้าขัดขวาง ก่อนจะรีบสั่งให้คนพามู่หรงฉีไปที่เรือนของเหลิ่งชิงฮวน

ช่วงเวลาเหล่านี้ของเหลิ่งชิงฮวนช่างสวยงามจริงๆ

คนรับใช้รายล้อม? ดาวล้อมเดือน? ที่รักที่เอ็นดู? ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ

ตอนเช้าเธอให้คำปรึกษาฟรีๆ กับเหล่าคุณป้าในจวน และคุณป้าเหล่านั้นก็นำทักษะของเธอไปถ่ายทอดสู่กันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ช่วยบ่ายลานเล็กๆ แห่งนี้ก็มักจะครึกครื้น

คนเรากินธัญพืชหลายชนิดมีใครบ้างล่ะที่จะไม่ปวดหัวตัวร้อน โดยเฉพาะคนแก่ๆ เจ็บป่วยไม่มีเงินรักษาก็อาศัยไม้แข็งเข้าสู้ พอทนไปนานๆ โรครักษายากก็เพิ่มมาก พวกนางได้ยินว่าพระชายามีฝีมือทางการรักษา ไม่ถือตัว ทั้งยังจ่ายยาให้ฟรีๆ ดังนั้นพวกนางจึงคิดหาทางเข้ามาที่นี่

บางคนถือดอกไม้ บางคนถือชา และบางคนก็มาริเริ่มหางานทำ สุดท้ายก็เพื่อให้เหลิ่งชิงฮวนรักษาอาการป่วยให้

เมื่อมู่หรงฉีกลับมา บังเอิญว่าคนรับใช้คนหนึ่งมีไข้และไออยู่หลายวัน ดูท่าจะเป็นโรคปอดบวม จึงถูกหญิงรับใช้ไล่ให้ไปหาหมอ

เหลิ่งชิงฮวนวางหูฟังทางการแพทย์ไว้ที่หน้าอก เอียงศีรษะฟังอย่างตั้งใจ

มู่หรงฉีรู้สึกว่าท่าทางนั้นเหมือนกับการโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขน หากเอนตัวไปด้านหน้าอีกนิดเดียวก็จะตกเข้าสู่อ้อมกอดของอีกฝ่ายได้

เขากระแอมเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าเสียงจะไม่ดังแต่ก็ค่อนข้างทรงพลัง ทุกคนคุกเข่าพร้อมเพรียงกัน ตัวสั่นงกๆ กลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

พระชายาไม่ถือตัวก็ไม่ได้หมายความว่าเทพสงครามผู้นี้จะเข้าถึงง่าย กลิ่นอายของผู้ที่ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาทำให้ผู้คนต่างปาดเหงื่อ รู้สึกว่าตนเองไม่ต้องกินยา ไม่เจ็บป่วยอีกแล้ว

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นมู่หรงฉี เธอรู้สึกว่าช่วงนี้ท่านอ๋องฉีดูว่างมากถึงได้มาที่จวนมหาเสนาบดี หรือว่าเมื่อคิดเรื่องเธอเสร็จท่านพ่อก็คิดเรื่องลูกเขยต่อ?

มู่หรงฉีชำเลืองมองทุกคนอย่างช้าๆ “ไม่แปลกใจเลยที่พระชายาของข้าจะสนุกจนลืมกลับบ้าน ที่แท้ก็ยุ่งมากนี่เอง”

ต่อหน้าผู้คนมากมาย น้ำเสียงของอ๋องฉีก็ยังเต็มไปด้วยการเสียดสีและไม่คิดจะไว้หน้าเธอ

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตา “ท่านอ๋องฉี หม่อมฉันเพิ่งกลับมาวันเดียวเองนะเพคะ”

มู่หรงฉีแก้ไขเล็กน้อย "เมื่อวานรวมวันนี้ควรเป็นสองวัน"

เหลิ่งชิงฮวนจ้องมองเขาอย่างจริงจัง “แล้วอย่างไรเพคะ? ท่านอ๋องมาด้วยตนเองเช่นนี้มีเรื่องจะชี้แนะหรือเพคะ”

ดวงตาของมู่หรงฉีหรี่ลง “ได้ยินว่าชายาเป็นโรคติดเตียง กลับจวนมาก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดังนั้นข้าจึงมารับเจ้ากลับจวนเป็นการส่วนตัว”

ติดเตียง? เธอถูกใครกระชากลงจากเตียงกลางดึกแล้วไล่ออกไปล่ะ?

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มแหย “ยังดีนะเพคะ ที่หม่อมฉันเคยนอนเตียงในจวนมหาเสนาบดีมาหลายปีแล้ว”

มู่หรงฉีก้าวเข้าไปใกล้ก่อนจะกดเสียงลง “กลับจวนกับข้าหรือจะให้ข้าอยู่ที่นี่ เลือกมา”

นี่มันข้อสอบปรนัยหรือไง? นี่มันแจกคะแนนชัดๆ

เหลิ่งชิงฮวนสั่งโตวโตว “เก็บของ กลับจวนอ๋อง”

มู่หรงฉียกยิ้ม “ข้าจะรอเจ้าบนรถม้าด้านนอก จำไว้ ให้เร็ว”

เหลิ่งชิงฮวนทำสงครามเย็นทันที เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากคำพูดของมู่หรงฉี บุรุษผู้นี้จะมารับเธอกลับจวนได้อย่างไร เขาแค่กลัวว่าเธอจะหายไปตลอดกาลก็เท่านั้น

อนาคตไม่แน่นอน จงสร้างบุญกุศลให้มาก

มู่หรงฉีหันหลังกลับและออกจากจวนมหาเสนาบดี คนรับใช้ในจวนต่างก็พากันกระซิบกระซาบ “ท่านอ๋องกับพระชายาก็รักกันสุดซึ้ง พระชายาเพียงแค่กลับบ้านเกิดมาวันเดียว ท่านอ๋องก็รอไม่ไหวจนต้องมาตามนางกลับ เห็นได้ชัดว่าข่าวลือน่ะผิด”

เหลิ่งชิงฮวนที่อยากจะร้องไห้กล่าวลาเสนาบดีเหลิ่งด้วยความเศร้าใจก่อนจะเข้าไปในรถม้า โตวโตวถือห่อผ้านั่งอยู่ด้านหน้าด้วยท่วงท่าสง่างาม

ตั้งแต่วินาทีที่เหลิ่งชิงฮวนปิดม่านและรถม้าก็ออกเดินทาง อุณหภูมิในรถม้าก็ลดลงอย่างกะทันหันและท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบางๆ ของเขา พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับความโกรธและนั่งในรถม้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เหลิ่งชิงฮวนขดตัวอยู่ที่มุมอย่างรู้ทันจ้องมองใบหน้าของมู่หรงฉีอย่างระมัดระวังด้วยท่าทางเคร่งครัด เธอทำอะไรผิดไปหรือ? ช่วงนี้เธอไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ นอกจากส่งเต้าหู้เหม็นไปที่ห้องของเขา แต่เรื่องนั้นมันจบไปแล้วไม่ใช่หรือ?

หรือเมื่อกี้เขาเข้าใจผิดที่เธอช่วยดูอาการป่วยของคนในจวนแทนหมอ?

เหลิ่งชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอธิบาย “เมื่อครู่หม่อมฉันกำลังตรวจอาการ”

“เหรอ?” มู่หรงฉีเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “ก็แค่ไอสองสามครั้ง ทั้งจับทั้งคลำ แทบจะมุดหัวเข้าไปในอกของคนนั้นอยู่แล้ว? ไม่ไว้หน้าข้าเลยหรือ?”

เธอล่ะยอมบุรุษขี้เหนียวผู้นี้จริงๆ

เหลิ่งชิงฮวนดึงหูฟังทางการแพทย์ออกมาจากกระเป๋า “หม่อมฉันแค่ฟังเสียงในปอดของเขา ถ้าท่านอ๋องไม่เชื่อก็เชิญฟังด้วยตัวเอง”

เธอคุกเข่าลง ยื่นมือเล็กๆ ลื่นๆ เข้าไปในเสื้อของมู่หรงฉีแล้วยัดที่อุดหูเข้าไปในหูของเขา

ร่างกายของมู่หรงฉีแข็งทื่อ รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วของเหลิ่งชิงฮวนที่ลูบผ่านหน้าอก ก่อนจะนำสิ่งบางอย่างที่เย็นๆ แนบลงไปบริเวณหัวใจ กระตุ้นให้หน้าอกของเขาเหมือนกวางที่วิ่งไปวิ่งมา

จากนั้นเสียง “ตึกตัก” ก็ดังขึ้นในหู เขาผงะก่อนที่จะตระหนักว่านั่นคือเสียงหัวใจของเขาเอง

เขาประหม่าอะไร? ตระหนกอะไร?

ราวกับว่าเหลิ่งชิงฮวนได้แทรกซึมเข้าไปในความคิดของเขา เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงผลักมือของเธอออกไป

“ออกไปให้ห่างจากข้า!"

เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าเธอใจดีพอที่จะอธิบาย แต่ผลกลับตรงข้าม เธอเบ้ปากก่อนจะกลับไปนั่งอยู่ที่มุมตามเดิม

เมื่อมาถึงจวนอ๋องและรถม้าหยุดลง เหลิ่งชิงฮวนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วางแผนที่จะวิ่งหนี ความสงสัยฆ่าแมวตาย สาเหตุที่จู่ๆ มู่หรงฉีก็โมโหร้ายนั้นไม่สำคัญ เธอไม่อยากจะรู้แล้ว

มู่หรงฉีนำหน้าเธอไปก้าวหนึ่ง เหวี่ยงขายาวๆ ของเขาลงจากรถม้า จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับข้อมือแล้วยกเธอขึ้นหลัง ก่อนจะเดินเข้าจวนไปไม่สนใจการขัดขืนของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา