ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 129

ถูกคนอื่นรังแก?

เหลิ่งชิงฮวนที่ยืนพิงประตูห้องอยู่ไม่มีความคิดที่จะพูดสอดเข้าไป แต่คำพูดนี้ของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมีนัยยะแฝงอยู่ ทำให้คนที่อยู่ในห้องนี้ทั้งหมดได้ยินและยังนึกว่าตัวของเธอนั้นเป็นคนที่ใส่ร้ายจินอี๋เหนียง

เธอยิ้มออกมาน้อยๆ “น้องสาว ถ้าหากว่าเรายังรู้สึกไม่วางใจจริงๆล่ะก็ จะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีสักสองสามวันก็ได้นะ”

เหลิ่งชิงหลางสำลัก ในเวลาแบบนี้เธอจะออกไปจากที่นี่ง่ายๆได้อย่างไร จะให้โอกาสมู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนได้มีโอกาสเข้าใกล้กันงั้นหรือ

เธอกุมหน้าผากของตัวเองแล้วเอนตัวลงอย่างอ่อนแรง จนร่างทั้งร่างของเธอนั้นเข้าไปซบอยู่บนร่างของมู่หรงฉี และแอบสงสายตาอย่างลับๆให้กับแม่จ้าว

แม่จ้าวจึงรีบร้องออกมาว่า “คุณหนูร่างกายอ่อนแอมาโดยตลอด หากไปสภาพแบบนี้ เกรงว่าจะทำให้ท่านมหาเสนาบดีลำบากเสียเปล่าๆ”

เหลิ่งชิงฮวนร้อง “เฮอะ” ออกมาในทันที “ถ้าแม่จ้าวไม่เตือน ข้าคงลืมไปแล้ว ได้ยินมาว่าคุณหนูของเจ้าโดนพิษของข้าจนจะพูดอะไรสักทีก็พูดออกมาได้อย่างอยากลำบากไม่ก็ไอออกมาไม่ใช่หรือแต่เหมือนว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้วนะ พูดออกมามากขนาดนี้ไม่ไอเลยสักนิด”

เรื่องนี้มู่หรงฉีเองก็รู้แก่ใจมาตั้งนานแล้ว ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสนิทและไม่พูดอะไรออกมา

เหลิ่งชิงหลางร้อนรนขึ้นมาในใจ และทำท่าทีไอออกมาสองครั้ง “เมื่อครู่นี้มองฉันไอจนเครื่องในจะออกมาจากลำคอเลยนะเพคะ”

บนใบหน้าของมู่หรงฉีนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาออกคำสั่งไปว่า “ยังไม่รีบมาประคองคุณหนูของเจ้ากลับไปพักที่เตียงอีกหรือ”

เหลิ่งชิงหลางส่ายหน้าอย่างแข็งขัน และหันไปคุกเข่าให้กับทางเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนตกใจเป็นอย่างมาก “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”

“ชิงหลางขอชดใช้ความผิดให้กับท่านพี่! อี๋เหนียงของข้าไร้สติไปชั่วขณะถึงได้ทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้ออกมา ในฐานะที่ข้าเป็นลูกแล้วทนอยู่เฉยไม่ได้จริงๆที่จะให้อี๋เหนียงของข้าต้องไปรับความลำบากเพียงลำพัง

ถ้าหากว่าอี๋เหนียงของข้าเคยทำอะไรผิดไป ข้ายินดีรับผิดชอบแทนเจ้าค่ะ จะโบยหรือว่าจะให้คุกเข่าสามวันสามคืน หรือจะเอาชีวิตของข้าก็ได้ทั้งนั้น ท่านพี่จะยกโทษให้อี๋เหนียงของข้าได้ไหมเจ้าคะ?”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเย็น “เจ้าพูดแบบนี้เหมือนกับว่าที่จินอี๋เหนียงถูกเนรเทศนั้นเป็นเพราะข้าให้นางไป เจ้าต้องรู้นะว่าโทษที่นางได้รับนั้นเป็นเพราะทำผิดกฏหมายของเมืองฉางอัน ข้ากับพี่ชายเป็นผู้เสียหาย เจ้ามาขอร้องข้าแล้วจะได้ประโยชน์อะไร”

เหลิ่งชิงฮวนร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร “ถ้าหากท่านพี่ไม่ถือเอาความแล้ว ข้าเชื่อว่าวัดต้าหลี่จะต้องเปิดใจให้แน่ ท่านพ่อกับอี๋เหนียงเป็นสามีภรรยากันมาเกือบยี่สิบปี ต่างผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ท่านเห็นแก่ความสัมพันธ์ของท่านพ่อ ท่านจะทนมองเห็นท่านพ่ออยู่อย่างโดดเดี่ยวในบั้นปลายของชีวิตงั้นหรือเจ้าคะ?”

“พี่ชายของข้านั้นโดนพิษอยู่ภายใต้เงื้อมมือมัจจุราชมาเกือบหนึ่งปี จินซื่อไม่เคยยอมเมตตาเลย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาให้ข้าเปิดใจกัน ถ้าหากจะพูดถึงท่านพ่อ เจ้าก็วางใจเถอะ ที่จวนยังมีอี๋เหนียงอีกสองคน พวกนางจะต้องคอยดูแลท่านได้ดีแน่”

เหลิ่งชิงหลางสะอึกไปจนลูกตาแทบเหลือกไปมา น้ำตาที่ไหลออกมาได้อย่างง่ายดายนั้นไหลออกมาไม่ขาดสาย อีกทั้งเธอยังเอาแต่โขกศีรษะให้กับเหลิ่งชิงฮวนไม่หยุด

“ท่านพี่ ถือว่าน้องขอร้องท่านเถอะ อย่างไรเสียเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าเชื่อว่าอี๋เหนียงเองก็ต้องรู้ว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว การเนรเทศก็เหมือนส่งไปตาย อี๋เหนียงจะทนลำบากแบบนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ ข้ารู้ว่าอี๋เหนียงทำผิดต่อท่าน ท่านเองก็ไม่ชอบข้า ถ้าหากว่าท่านตกลง ข้ายินดีที่จะย้ายออกไปจากจวนอ๋องและจะไม่พบท่านอ๋องอีก”

ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นมาอ้อนวอนขอร้องแบบนี้เหลิ่งชิงฮวนคงใจอ่อนและเห็นอกเห็นใจ แต่นี่เป็นเหลิ่งชิงหลาง ทั้งหมดเป็นการเสแสร้งต่อหน้ามู่หรงฉีและแสดงละครเรียกร้องความเห็นใจ!

ถ้าหากว่านางรักแม่ของนางจริงทำไมไม่รีบกลับไปดูสักครั้งล่ะ แต่กลับอยู่ที่จวนอ๋องแล้วยังเล่นละครให้มู่หรงฉีดู พอเจอหน้าก็เอาแต่บอกว่าเรื่องนี้นั้นไม่เกี่ยวกับตนเพื่อปกป้องตัวเองเอาไว้

ตอนนี้อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอนั้นหึงหวงเขาจนใจแข็งขนาดไหน

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มออกมาอย่างสบายๆ “ถ้าหากว่าน้องหญิงเป็นห่วงจินอี๋เหนียงจริงและอยากตอบแทนอย่างกตัญญู ข้าคิดว่าเจ้าควรจะไปขอร้องท่านอ๋อง ให้เนรเทศเจ้าแทนจินอี๋เหนียงก้ได้นะ ข้าไม่มีความคิดเห็นใดๆ ไม่ใช่ว่ามาขอร้องความเป็นความตายกับผู้เสียหายแบบนี้ มันเหมือนกับพวกมือถือสากปากถือศีลเลยนะ”

เหลิ่งชิงหลางสะอึก เธอพูดไม่ออกทำได้เพียงแต่ร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมจนแทบหมดสติไป

มู่หรงฉีมุ่ยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขามีความร้อนใจเล็กน้อยแฝงอยู่ “เอาล่ะ จินอี๋เหนียงนั้นต้องได้รับโทษแน่ การเนรเทศนางนั้นนับว่าเมตตาแล้ว แต่ว่าข้าจะช่วยเจ้าให้นางได้รับความลำบากน้อยลง”

เหลิ่งชิงหลางเห็นว่าไม่สามารถต่อรองกับเหลิ่งชิงฮวนได้ เธอจึงหันหลังกลับและโถมตัวเข้าใส่มู่หรงฉี “หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องรักหม่อมฉันที่สุด เป็นโชคดีของหม่อมฉันที่ได้พบกับท่านอ๋อง”

เหลิ่งชิงฮวนที่ได้ยินก็หึงมาก เธอมองมู่หรงฉีที่เชื่อฟังนางแบบนี้แล้วก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่พ้นต้องเกี่ยวกับเธอ ไม่ลงโทษเธอก็แล้วไป แต่ยังมาปลอบใจแบบนี้ ในใจของเธอมีความหึงและรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ตั้งแต่ที่มีมู่หรงฉีอยู่ที่นี่ เธอเชื่อว่าบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบ มู่หรงฉีไม่เพียงแต่ควานหาเหลิ่งชิงหลางขึ้นมาจากน้ำ แต่ยังยืนกรานที่จะให้เธอเป็นพระชายาและเอาอกเอาใจเธออย่างถึงที่สุด

เธอหัวเราะออกมาและหันหลังเดินออกไป

หางตาของมู่หรงฉีเห็นแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของเธอแล้วในใจของเขาก็สั่นไหว จากนั้นจึงผลักเหลิ่งชิงหลางที่อ่อนระทวยในอ้อมอกของเขาออก

“ในเมื่อเจ้าสุขภาพไม่สู้ดีนักก็อย่าคิดมากไปเลย อยู่ที่เรือนจื่อเถิงนี่พักผ่อนให้หายเถอะ”

เขาหันหลังเดินออกไปก็ถูกเหลิ่งชิงหลางคว้าไว้ที่แขนเสื้ออย่างไม่ยินยอมให้เขาจากไป เธอถามออกมาอย่างน่าสงสารว่า “ท่านอ๋องจะทิ้งชิงหลางไปไหนหรือเพคะ”

มู่หรงฉีก้มหน้ามองมือของเธอแวบหนึ่ง “มีอะไร?”

น้ำเสียงของเขาเยียบเย็นเป็นอย่างมากและแฝงไปด้วยความเย็นชาจนทำให้มือของเหลิ่งชิงหลางปล่อยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ท่านอ๋องยังโกรธหม่อมฉันอยู่ใช่ไหมเพคะ ในใจของหม่อมฉันรู้สึกหนักใจ”

มู่หรงฉีมองไปที่เธอและยกริมฝีปากบางขึ้น “หนักใจหรือไม่นั้นเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาข้าบอกว่าไม่ถือสาเอาความก็คือไม่ ถ้าหากเจ้าอยู่ในที่ของเจ้าก็จะยังเป็นพระชายารองของจวนอ๋องฉีอยู่ ข้ายินดีที่จะให้เจ้าอยู่ดีกินดีไปตลอดชีวิต เข้าใจไหม?”

ใจของเหลิ่งชิงหลางหนักอึ้ง เธอรู้สึกกลัวมากจึงพูดพึมพำออกมาว่า “เข้า...เข้าใจแล้วเพคะ”

มู่หรงฉีมองไปที่เธออย่างจริงจังและเดินออกไปจากเรือนจื่อเถิงโดนไม่หันหน้ากลับมามอง

เหลิ่งชิงหลางเดินเซอยู่สองก้าวแล้วจึงทรุดลงบนพื้นอีกครั้งด้วยใบหน้าขาวซีด “แม่จ้าว ท่านอ๋อง เขาหมายความว่าอย่างไรกันน่ะ ข้าไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจ”

แม่จ้าวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ความหมายที่ท่านอ๋องอยากจะบอกคือขอเพียงแค่หลังจากนี้ฮูหยินไม่มีเรื่องอีก ท่านก็จะไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เจ้าค่ะ และจะไม่โทษท่านด้วย”

เหลิ่งชิงหลางส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านอ๋องกำลังเตือนข้าอยู่ว่าหลังจากนี้ท่านจะไม่รักข้าอีกแล้ว ! เขาให้ข้าอยู่ในเรือนจื่อเถิงนี่อย่างสงบ จะให้ข้าอยู่ในฐานะพระชายารองแบบนี้ตลอดไปงั้นหรือ”

แม่จ้าวมองไปที่พื้นอย่างจนใจ นางพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว คำพูดของท่านอ๋องนางเองก็ได้พูดเตือนเธออยู่ตลอด น่าเสียดาย ที่เธอนั้นกลับทำเป็นหูทวนลมและไปหาเรื่องเหลิ่งชิงฮวนอีกครั้ง ในที่สุดวันนี้ก็ต้องมารับกรรมนั้นแล้วจะโทษใครได้ล่ะ?

“วันนี้ท่านอ๋องกำลังโมโหย่อมต้องพูดจาไร้หัวใจแบบนี้ออกมา แต่พอผ่านไปสักสองสามวัน รอให้ท่านหายโกรธแล้วยังจะต้องรักพระชายาอีกแน่เจ้าค่ะ และจะกลับมาอ่อนโยนกับฮู่หยินเสมอ ท่านดูสิเจ้าคะ เวลาที่ท่านอ๋องกำลังโมโหจัดไม่รู้ได้พูดคำพูดร้ายๆกับพระชายาไปตั้งเท่าไรต่อเท่าไร ”

ในใจของเหลิ่งชิงหลางมีความหวังกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอถูกแม่จ้าวพยุงขึ้นและกลับไปที่เตียงอีกครั้ง เธอร้องไห้ เธอร้องไห้อยู่พักหนึ่งอย่างหนัก จนวันถัดมาเธอก็ได้ป่วยไปจริงๆ หนาวสั่น ไอและมีไข้อ่อนๆ เธอนอนอยู่บนเตียงโดยที่ไม่ตื่นขึ้นมา

เมื่อข้ารับใช้ในจวนอ๋องได้ยินข่าวเรื่องจินซื่อก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างเสียงแตกออกไป และทำเป็นเสแสร้งเมื่ออยู่ต่อหน้าเหลิ่งชิงหลาง ส่วนลับหลังนั้นก็แอบเยาะเย้ยเธอ

เมื่อมู่หรงฉีได้ยินข่าวนี้เขาก็ทำเพียงหัวเราะออกมาเสียงเย็น ไม่สนใจและไม่ไปเยี่ยมเธอ

เหลิ่งชิงหลางหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ จากอาการไข้ที่ได้รับการกระทบจิตใจเพียงธรรมดานั้นกลายเป็นต้องล้มหมอนนอนเสื่ออยู่หลายวันและผ่ายผอมลงไปมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา