ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 130

เมื่อถึงวันที่สามมู่หรงฉีได้ส่งคนมาบอกกับเธอว่าคนของวัดต้าหลี่ได้ลอบมาถามเขาถึงสถานที่ที่จินซื่อจะต้องถูกเนรเทศไป

ที่แรกคือหลิ่งหนานซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่านางสนมถูกเนรเทศไป ที่นั่นเป็นแหล่งทอผ้าของราชวงศ์ เหล่านางสนมที่ได้กระทำความผิดต่างก็ต้องทำงานตรากตรำอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นการรับโทษ

ส่วนอีกทีหนึ่งคือทางทิศพายัพที่อยู่ใกล้พรมแดนของซีเหลียง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องการทำงานที่นี่ พูดแค่เรื่องสภาพความเป็นอยู่นั้นบอกได้ว่าย่ำแย่มากอีกทั้งมักจะมีทหารม้าขุกข้ามเขตแดนเข้ามา ซึ่งไม่ค่อยสงบสุขนัก

ที่จริงแล้วตัวเลือกนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัย หลิ่งหนานนั้นอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมีสภาพภูมิอากาศที่ดีไม่มีทางที่จะได้รับความลำบากจากพายุทะเลทราย แต่ว่าอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องของคนตระกูลเหลิ่ง มู่หรงฉีจึงตัดสินใจได้ยากจึงได้ส่งคนของตนไปสอบถาม

เหลิ่งชิงหลางนั่งอิงตัวอยู่บนเตียง เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ดวงตาของเธอมีความเย็นชาแวบขึ้นมาแล้วพูดออกมาอย่างเด็ดขาดว่า “ทางทิศพายัพ”

คนที่ถูกส่งมาถามชะงักไปมือของเขาสั่นเล็กน้อย แม่จ้าวที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับรู้สึกผิดคาด “เกรงว่าฮูหยินคงจะไม่ค่อยเข้าใจใช่ไหมเจ้าคะว่าสองที่นี้เป็นอย่างไร พรมแดนทางทิศพายัพนั่นเป็นสถานที่ลำบากของพวก....”

“พูดมาก!” เหลิ่งชิงหลางพูดตัดบทแม่จ้าวอย่างราบเรียบ “เจ้าจะเขาใจอะไร ข้ามีแผนของข้า”

แม่จ้าวก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

ข้ารับใช้นำคำไปบอกกับมู่หรงฉี มู่หรงฉีก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ทำตามที่เธอบอก

เมื่อทุกอย่างถูกตัดสินใจไปแล้ว สองวันหลังจากนั้นจินซื่อก็ถูกเทรเทศไปทางทิศพาพัพ

เหลิ่งชิงหลางฝืนยันตัวเองขึ้นจากเตียงนอนแล้วไปส่งจินซื่อที่จะออกเดินทาง

ในคุกใต้ดินที่มืดมิดนั้น จินซื่ออยู่ในชุดนักโทษ ผมของเธอถูกปล่อยลงมาโดยที่ไม่เหลือท่าทางที่ดูยิ่งใหญ่และดูหยิ่งผยองเหมือนในตอนแรกเลน

เมื่อเธอเห็นเหลิ่งชิงหลางก็กร้องไห้ตัวโยนและบ่นถึงเงินที่มหาเสนาบดีเหลิ่งให้ไว้กับเธอ ส่วนทางครอบครัวของเธอนั้นเย็นชามากและยังนึกถึงเหลิ่งชิงเจียวอยู่

“หลางเอ๋อร์ ท่านอ๋องรักลูกมากใช่ไหม เจ้าไปขอร้องท่านอ๋องให้แม่ที ขอเพียงท่านอ๋องเปิดปากเหลิ่งชิงฮวนจะนับเป็นตัวอะไรกัน ทำไมวัดต้าหลี่ถึงได้ช่วยนางกัน แม่ถึงจะถูกปล่อยตัว”

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้ออกมาอย่างไม่ได้สรรพ “ลูกทั้งคุกเข่าและขอร้องแล้ว แต่เหลิ่งชิงฮวนเอาแต่ขวางอยู่ตลอด ทางท่านอ๋องไม่มีความหวังเเล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแม้แต่สถานที่ที่จะส่งท่านแม่ไป ท่านอ๋องก็ฟังคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนแล้วตัดสินใจไป ลูกไปขอร้องก็ไร้ประโยชน์”

“งั้นเจ้าก็ไปขอร้องพ่อของเจ้าสิ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันมากกว่าสิบกว่าปี เขาจะกลเห็นขาไปลำบากอะไรที่ย่ำแย่นั่นได้หรือ สถานที่ที่แรงแค้น และเกรงว่าอาจจะไม่มีทางได้กลับมาอีกแบบนั้น!”

“ครั้งนี้ท่านพอใจแข็งจริงๆเจ้าค่ะ ขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เหลิ่งชิงเฮ่อเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก ถูกเลือกเป็นข้ารับใช้ใกล้ตัวของฮ่องเต้ ไม่ใช่คนที่คนจะจวนมหาเสนาบดีจะเข้าไปคุยส่วนตัวได้อีกแล้ว อีกอย่างถึงแม้ว่าทางทิศพายัพนั้นจะแร้นแค้น แต่ก็อยู่ไกลหูไกลตาฮ่องเต้ ท่านหน้าสามารถออกคำสั่งกับพวกขุนนางที่นั้นได้เพื่อให้ดูแลท่านแม่ เหลิ่งชิงฮวนคงไม่สามารถสอดมือไปยุ่งกับสถานที่ที่อยู่ห่างไกลแบบนั้นได้เจ้าค่ะ”

จินซื่อขบกรามแน่นอย่างโกรธแค้น “จะไม่ให้ข้าได้มีโอกาสกลับมาได้ดีเลยใช่ไหม ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องให้นังแพศยานี่ทรมาณอย่างถึงที่สุด!”

“ขอเพียงแค่ข้าได้มีโอกาสกับท่านอ๋องอีกครั้ง ข้าจะให้เหลิ่งชิงฮวนไม่ตายดี!”

คนจะกูลจินเหลือบตามองแม่จ้าวที่อยู่ด้านหลังของเหลิ่งชิงหลาง “เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับฮูหยินของพวกเจ้า”

ทั้งสองคนถอยออกไปเงียบๆและรออยู่ด้านนอกคุก และฟังคำสั่งของเหลิ่งชิงหลาง

เดิมทีทั้งสองคนนั้นไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่ออยู่ด้วยกันข้างนอกก็ต่างไม่พูดอะไรออกมา เมื่อมองไปยังอุปกรณ์ลงโทษต่างๆก็รู้สึกกลัว

จือชิวดูแลตัวเองด้วยการหาเก้าอี้มานั่ง และหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อเมล็ดแตงออกมาจากแขนเสื้อ และกะเทาะเปลือกออกมาสองสามเมล็ด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา