ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 138

ในที่สุดเหลิ่งชิงหลางก็หยุดไอ นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ

"ข้านอนไม่หลับ พอหลับตาลงก็อยากจะร้องไห้ แม่จ้าว ว่ากันว่าไม่มีอะไรที่ราบรื่นไปตลอด ใจคนก็เปลี่ยนกันง่าย ข้าไม่เชื่อว่าท่านอ๋องจะลืมความหลังของเราสองคนไปง่ายๆ แบบนี้แล้วไปรักคนอื่น ขอแค่ข้าทำให้ต้นดอกจื่อเถิ่งนี่บานไปด้วยเอกจื่อเถิง ท่านอ๋องจะต้องกลับใจอย่างแน่นอน"

"แค่ความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ใครให้เรื่องนี้มันบังเอิญแบบนี้กัน เรื่องนี้จินอี๋เหนียงก็ทำเกินไป ที่ท่านอ๋องโกรธก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ สักวันจะต้องเข้าใจกันได้แน่นอน"

มู่หรงฉีถอนหายใจเบาๆ สุดท้ายก็ทำใจที่จะจากไปไม่ได้ เขาเอามือไขว้หลังแล้วเดินเข้าเรือนจื่อเถิงไป

เหลิ่งชิงหลางใส่ชุดขาวยาว ผมที่ดกดำนั้นปล่อยยาว สายลมในยามเช้าทำให้เสื้อของนางพลิ้วไหว ตัวของนางผอมบาง เมื่อใครเห็นก็จะต้องรักใคร่ โดยเฉพาะไม่เจอกันหลายวัน รู้สึกว่าผิวของนางนั้นดีกว่าเมื่อก่อน ขาวนวลราวกับหิมะ เรียบเนียนราวกับหยก เมื่อนางยืนอยู่ตรงนั้นก็ราวกับเทพธิดาหลิงปัวที่บริสุทธิ์

เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าของมู่หรงฉีก็หันหน้ากลับมา ตอนที่มองเขา ในนัยน์ตายังมีน้ำตาอยู่จนรู้สึกตาพร่าเลือน ทำให้ยิ่งมีความสงสาร

ตัวของนางผอมบาง ดูซูบผอมและซีดเซียว ทำให้เห็นว่านางมีชีวิตอยู่ที่ไม่ดีจริงๆ เมื่อเห็นมู่หรงฉี น้ำตานั้นก็ค่อยๆเอ่อล้น นางขมวดคิ้วแล้วน้ำตาก็ไหลรินลงมา เสียงของนางก็สะอึกสะอื้น

"ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็มา"

มู่หรงฉีถอนหายใจ "เจ้าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน"

เหลิ่งชิงหลางถือกระโปรงแล้วโผล่เข้าไปหามู่หรงฉีราวกับผีเสื้อสีขาวตัวหนึ่ง นางโผล่เข้ากอดเขาทันที จากนั้นก็กอดเอวของเขาไว้แน่น เสื้อของเขานั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ร้อนระอุ

"หม่อมฉันกลัวว่าท่านอ๋องจะไม่ให้อภัยหม่อมฉันไปตลอดชีวิต แล้วก็จะไม่มาที่เรือนจื่อเถิงนี่อีก ถ้าแบบนั้นแล้วหม่อมฉันจะเฝ้าเรือนจื่อเถิงนี่ไว้ทำไมเพคะ สู้ตายจากไปยังจะดีเสียกว่า ท่านอ๋องเองก็จะได้มีความทรงจำที่สวยงาม เมื่อนึกถึงหม่อมฉันก็จะเป็นภาพจำที่สดใสสวยงาม"

"ทำเป็นจะเป็นจะตายแบบนี้ทำไมกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย"

ผู้หญิงอย่างเหลิ่งชิงฮวนนั้นรักชีวิตอย่างมาก ต่อให้ทำความผิดใหญ่โตก็ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ราวกับวัชพืชที่โตขึ้นมาจากซอกก้อนหินอย่างแข็งแกร่ง

เหลิ่งชิงหลางเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า "ท่านอ๋องเป็นทั้งโลกของหม่อมฉัน หากท่านอ๋องไม่ให้อภัย โลกของหม่อมฉันก็ล่มสลายเพคะ"

เมื่อมู่หรงฉีได้ยินคำพูดที่ลึกซึ้งแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีความรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่เคยเป็นแบบเมื่อก่อน แต่กลับเป็นความเหน็จเหนื่อย เป็นเหมือนภาระที่หนักอึ้งสำหรับตนเอง

เหลิ่งชิงฮวนเปรียบเหมือนถั่วลันเตาที่ทำขึ้นจากเหล็ก ทุบไม่แบน ต้มไม่เปื่อย ขว้างไม่พัง แต่เหลิ่งชิงหลางกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บอบบางอ่อนไหวราวกับน้ำ เหมือนกับดอกหลิวหลีที่ร่วงโรยง่าย ต้องประคองอยู่ในมืออย่างระมัดระวัง หากไม่ระวังทำหล่นพื้นก็จะแตกกระจาย

ดังนั้นจึงรู้สึกเหนื่อย

เขาพยายามปรับสีหน้าอารมณ์ให้ดีขึ้น "ไม่ต้องคิดมาก ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่โทษเจ้า เจ้ารักษาตัวให้ดีแล้วหายดีโดยไวเถอะ"

เหลิ่งชิงหลางรู้จักบันยะบันยัง นางยิ้มด้วยน้ำตา "ท่านอ๋องพูดแบบนี้ ชิงหลางก็สบายใจเพคะ รอให้ชิงหลางหายดีค่อยมาดูแลท่านอ๋องนะเพคะ"

เมื่อได้ข่าวว่าดอกจื่อเถิงบาน เหลิ่งชิงฮวนที่มาดูนั้นก็เห็นว่าทั้งสองคนนั้นกอดกันอย่างไม่อาจแยกจากกันได้พอดี

เพิ่งจะนัวเนียกับนางเจียวคนงามเสร็จก็มานัวเนียกับเหลิ่งชิงหลางต่อ แถมยังทำเป็นสาบานต่อหน้าตนเองว่าเขาบริสุทธิ์ ไม่เหนื่อยหรือไง

ต่อหน้าหยิ่งยโส ลับหลังก็ฝักใฝ่ในกาม ที่แท้มู่หรงฉีก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง

คำพูดที่ออกจากปากของผู้ชายนั้นเชื่อถือไม่ได้ นางทำเสียงไม่พอใจจากนั้นจึงหันหลังจากไป

หากข้าเชื่อคำพูดไร้สาระของมู่หรงฉีอีก ข้าก็เป็นคนโง่แล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา