ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 147

เหลิ่งชิงฮวนพยายามเค้นรอยยิ้มแห้งๆ หยิบผ้าออกมาจากอ้อมแขน เช็ดเครื่องสำอางค์ฉูดฉาดบนหน้าออก

“แหะแหะ เดิมทีตั้งใจจะล้อทุกคนเล่น ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกับองค์หญิงลี่ว์อู๋ ท่านอย่าเก็บมันมาใส่พระทัยเลยนะเพคะ”

ลี่ว์อู๋เหลือบมองชายร่างใหญ่ที่ยังคงนอนอยู่ที่พื้นแบะปาก แล้วเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนอีกครั้ง “ฮึ ฮึ” ก็ยิ้มเข้าใจทันที “ข้าเข้าใจแล้ว”

“แต่ข้าไม่เข้าใจ” มู่หรงฉียังคงไม่สบอารมณ์อยู่เช่นเดิม ชี้ไปที่สองคนนั้นแล้วถามเหลิ่งชิงฮวน “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เมื่อดูแล้วไม่สามารถปิดบังได้ ตัวเองอธิบายเรื่องบุ่มบ่ามนี้คงจะไม่เชื่อแน่นอน เหลิ่งชิงฮวนตะโกนอย่างหดหู่ “เสิ่นอ๋อง อย่าหลบซ่อนอยู่เลย ออกมาเถอะเพคะ”

ผู้ริเริ่มแผนการยังคงแอบมองดูอย่างสนุกสนาน เรื่องราวเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง เขาเองก็ตั้งตัวไม่ค่อยทัน

ไม่ใช่เพราะมู่หรงฉีจับได้ แต่เป็นเพราะองค์หญิงลี่ว์อู๋ ครั้งแรกที่เขาเจอเด็กผู้หญิงอ้วนขนาดนี้ ตบหนึ่งทีเท่ากับที่ตัวเองเคยฝึกฝนวิชามวยปล้ำ พวกพี่น้องที่ร่างกายช่วงล่างแข็งแรงก็ถูกผลักลงกับพื้นอย่าง แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้?

เมื่อเขารู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ก็คือองค์หญิงลี่ว์อู๋ ก็ยิ่งตกใจจนพูดไม่ออก ดังนั้นจึงไม่ได้ออกมาอธิบายสถานการณ์เอง

ตอนนี้ได้ยินเหลิ่งชิงฮวนตะโกนเรียก ก็โผล่ออกมาจากด้านข้าง เอามือประสานเคารพเหล่าหญิงสูงศักดิ์ที่ท่าทางประหลาดใจ

“คุณหนูทั้งหลาย วันนี้ล่วงเกินพวกท่านแล้ว ข้าน้อยเสิ่นหลิงเฟิงจากจวนกั๋วกง คนทั้งหลายเหล่านี้คือสหายของข้าน้อย เพียงล้อพวกท่านเล่นเท่านั้น ได้โปรดอย่าตำหนิกล่าวโทษเลย ขอเชิญขึ้นไปดื่มชาบนเรือก่อนเถิด”

หลายคนมองหน้ากัน พอจะเดาได้ว่าเบื้องหลังของฉากละครแกล้งนี้ต้องมีความหมายเบื้องลึกแน่ แต่เมื่อเจอเสิ่นหลินเฟิงปลิ่วลู่ลม รูปโฉมสง่างาม อ่อนละมุนเหมือนหยก แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่ในเวลานี้ก็เสียดายที่จะบอกลา

วันนี้ที่จวนกั๋วกงมีจัดงานเลี้ยง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ จัดขึ้นเพื่อเป็นแม่สื่อให้เหล่าองค์ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น ตอนนี้ได้เจอกับเสิ่นหลิงเฟิง จิตใจก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิง อบอวลไปด้วยบรรยากาศความรัก

ฮูหยินเสิ่นออกหน้ารับ เชิญบรรดาเหล่าสตรีขึ้นไปบนเรือ

เสิ่นหลินเฟิงตรวจดูอาการบาดเจ็บของพวกพ้องอย่างรู้สึกผิด และอธิบายเรื่องที่ยากลำบากให้มู่หรงฉีรับรู้

หลังจากนั้น พูดหัวเราะเยาะอย่างมีนัยลึกซึ้ง “ข้าได้สั่งให้คนที่จวนเอาจดหมายไปส่งให้ท่านพี่ อีกทั้งยังพาทหารอารักขาตามไปคุ้มกันด้วย คิดไม่ถึงว่าท่านพี่ยังไม่ไว้ใจ ตามมาเฝ้าด้วยตัวเอง กลัวว่าข้าจะพาพี่สะใภ้ไปเรียนรู้สิ่งไม่ดีเหมือนกับฉีเอ้อร์งั้นหรือ?”

มู่หรงฉีอึกอักอยู่คู่หนึ่ง กระแอมไอเบาๆอย่างหน้าเหย “พอดีข้ามีเรื่องด่วนที่จะต้องพบนาง ดังนั้นก็เลยมาหา ใครจะไปรู้ว่าจะมาเห็นสองคนนี้ลงไม้ลงมือกับนางพอดี เข้าใจผิดไปหน่อย บุ่มบ่ามเกินไป ต้องขออภัยพี่น้องท่านนี้ด้วย”

เสิ่นหลินเฟิงรู้ดีว่าเขานั้นพูดปด แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร

มู่หรงฉีรีบเปลี่ยนเรื่องทันที หันหน้าไปถามลี่ว์อู๋ “เจ้าออกมาจากวังได้อย่างไร? แถมยังแต่งตัวเยี่ยงนี้อีก เสด็จพ่อทรงทราบหรือไม่?”

ลี่ว์อู๋ยิ้มอย่างมีเลศนัย “พี่สามท่านลืมไปแล้วเหรอ เมื่อสักครู่คุณหนูหรงท่านนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง ได้ยินนางบอกว่าวันนี้ต้องมาเจอกับสามี ข้าตั้งใจจะรายงานเสด็จพ่อ มาเป็นเพื่อนนาง เลยอยากที่จะแต่งเป็นสาวรับใช้ หาโอกาสที่จะทดสอบลักษณะนิสัยของฝ่ายตรงข้าม แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกพี่สะใภ้สามชิงตัดหน้าไปเสียก่อน”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ทำให้ท่านผิดใจแล้ว”

ลี่ว์อู๋หัวเราะ “คิกคัก” “ในเมื่อเป็นคนกันเองก็ค่อยพูดง่ายหน่อย พี่สาวของข้าคนนี้จริงๆแล้วเป็นคนมีเมตตา อุปนิสัยดี หน้าตาด็สะสวย ดีกว่าพวกที่มองไม่เห็นหัวคนอื่นมาก รัชทายาทเสิ่นถูกใจไหมเพคะ?”

เลือกสิ่งที่ดีที่สุดจากคนที่มีอยู่แล้วไม่โดดเด่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบแล้วนั้น นิสัยของคุณหนูท่านนี้เหนือกว่าคนอื่นๆจริงๆ

เสิ่นหลิงเฟิงส่ายหน้า “ดีก็ดีอยู่หรอก แต่ขาดความเห็น ไม่คุ้นเคย”

เห็นได้ชัดว่าลี่ว์อู๋นั้นผิดหวังเล็กน้อย ทุกคนต่างก็พูดอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นบุพเพสันนิวาสของเสิ่นหลินเฟิง

คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงฉีก็เอ่ยว่าจะไปส่งลี่ว์อู๋กลับวัง

การที่ลี่ว์อู๋ได้ออกจากวังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อยากจะรีบกลับเข้าวัง ขอร้องเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าองค์หญิงลี่ว์อู๋นั้นมีนิสัยตรงไปตรงมา มีน้ำใจเมตตา แล้วก็มีความรู้สึกดี จึงเสนอให้พาเธอไปกินขนมต่างๆที่ถนนจินเชวี่ย

ผู้หญิงน่ะ งานอดิเรกมีอยู่สองสิ่ง เหมือนกับรถไฟรางวิ่ง เดินกิน...เดินเที่ยว

ลี่ว์อู๋ตื่นเต้นจนเหมือนมีคลื่นน้ำอยู่ในท้อง

ทั้งสองอยู่ด้านหน้า จับมือเดินเคียงกัน สนิทสนมกันมาก มู่หรงฉีและเสิ่นหลินเฟิงอยู่ด้านหลัง กินตั้งแต่ต้นถนนไปยังอีกฝั่งของถนน

มู่หรงฉีเอาใจเหลิ่งชิงฮวน เดินตามหลังเธอต้อยๆ ทว่ากลับวางมาด

เส่ินหลินเฟิงทำหน้าที่ต้อนรับแขกอย่างลี่ว์อู๋ ของกินที่อยู่ในอ้อมแขนกองพะเนินเต็มไปหมด เสื้อผ้าสีขาวชุ่มไปด้วยน้ำมัน ย้อมจนมันเปลี่ยนสี

สำหรับลี่ว์อู๋ “อาหารเป็นสิ่งสำคัญเทียบเท่าฟ้า” จริงๆ เสิ่นหลิงเฟิงที่โดดเด่นในสายตาของเธอ ก็ไม่ดีเท่ากับ “พระชายาเต้าหู้เหม็น”

จนถึงเวลาพลบค่ำ ลี่ว์อู๋อิ่มจนพุงกาง มือหนึ่งกอดท้องไว้ อีกมือหนึ่งถือของกินจุกจิก เดินยึกยักกลับเข้าวังไป

เสิ่นหลินเฟิงชั่งน้ำหนักถุงเงินท่ีว่างเปล่าในมือ ปลงอนิจจังออกมาอย่างอ้าปากค้าง “มิน่าล่ะองค์หญิงลี่ว์อู๋ไม่แต่งงานออกเรือน ปริมาณอาหารเท่านี้ คนทั่วไปก็คงเลี้ยงไม่ไหว ตลอดทั้งบ่ายก็ใช้เงินเดือนหลายวันนี้ของฉันกินจนหมดเกลี้ยง กลับยังไม่แยแสรัชทายาทอย่างข้าอีกแย่มาก ไม่เห็นน่าสนใจ”

เหลิ่งชิงฉวนเม้มปากและยิ้ม เมื่อกี้ที่ลี่ว์อู๋อยู่ข้างหน้าตัวเองนั้นเยาะเย้ยองค์รัชทายาทที่ตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมไปก็ไม่น้อย บอกเขาเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ แต่กินอย่างกับนกกระจอก

มู่หรงฉีพูดเสียงเรียบ “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเด็กนี้ถึงได้กินจุขนาดนี้?”

เสิ่นหลินเฟิงส่ายหน้า

“แคว้นซีเหลียงเคยเสนอจะขออภิเษกสมรสกับองค์หญิงที่อายุเหมาะสมกับราชวงศ์ฉางอันสองสามครั้ง แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ได้ตอบตกลง แต่มีเหล่าอำมาตย์มากมายแนะนำอย่างขันแข็ง ทำให้นางกลายเป็นคนหวาดระแวง กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นเป้าหมายของราชสำนัก ดังนั้นก็เลยกินดื่มอย่างเต็มที่ ทำลายภาพลักษณ์ของตัวเอง ก็เลยมีรูปร่างอ้วนแบบนี้ ทุกวันนี้แม้อยากที่จะผอม ปริมาณอาหารก็ควบคุมไม่อยู่แล้ว”

เสิ่นหลินเฟิงและเหลิ่งชิงฮวนต่างก็เงียบไปพักหนึ่ง เสด็จแม่ของลี่ว์อู๋ไม่ได้มีตำแหน่งสูง เป็นเพียงแค่สนมคนหนึ่ง อยู่ในวังไม่ได้มีตำแหน่งอะไร นางไม่มีที่พึ่ง ต้องปกป้องตัวเอง ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่โง่เขลา แต่ก็ได้ผลมากเลยทีเดียว”

อย่างไรเสียฉางอันก็ต้องให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของชาติ ภาพลักษณ์องค์หญิงของราชวงศ์จะดูแย่ไม่ได้

มู่หรงฉีตบไหล่ของเสิ่นหลินเฟิงพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “เทียบกับหรูอี้แล้วนั้น ลี่ว์อู๋จิตใจดี ซื่อสัตย์เปิดเผย เหมาะสมกับเจ้ามากกว่า”

เสิ่นหลิงเฟิงสีหน้านิ่งขรึม “จริงอยู่ที่ข้าลักพาตัวพี่สะใภ้ออกมาวันนี้ แต่ท่านพี่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้มันยุ่งเหยิงเลยนี่?”

มู่หรงฉีพูดอย่างจริงจัง “ข้าเพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้นเอง หรือเจ้าจะเลือกคุณหนูสือก็ได้ ไม่เช่นนั้นงานพระราชทานมงคลสมรสในวันพรุ่ง มีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะหนีไม่รอด”

ในตอนแรกเหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าที่มู่หรงฉีจัดการนั้นค่อนข้างไม่ได้ผล แต่เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียด ก็พอจะมีเหตุผลอยู่

ภายหลังโรคอ้วนที่เกิดจากการกินมากเกินไป สามารถผอมลงได้โดยใช้วิธีการออกกำลังกายและคุมอาหาร ใบหน้าที่งดงามของลี่ว์อู๋ น่าจะเป็นหญิงงามเช่นกัน ที่สำคัญเลยก็คือบุคลิกลักษณะของนางนั้นไม่เลวเลยทีเดียว

เสิ่นหลิงเฟิงขมวดคิ้วแน่น ไหนเลยจะมีอารมณ์มาล้อเล่น บอกลาทั้งสองคน แล้วเดินคอตกจากไป

เหลือเพียงสองคนที่ยังโกรธกันอยู่ บรรยากาศอึดอัดอยู่พักใหญ่

มู่หรงฉีเล่นมายากล หยิบเต่าที่แขวนเชือกออกมาจากทางด้านหลัง แกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าเหลิ่งชิงฮวนอย่างภาคภูมิใจ

บนกระดองเต่าขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เขียนตัวอักษรด้วยหมึกจูซาที่สะดุดตา บนท้องคือ “ข้าผิดไปแล้ว” เมื่อพลิกกลับมาก็คือ “อย่าโกรธเลยนะ”

เหลิ่งชิงฮวนกระตุกที่มุมปาก ทั้งอารมณ์ดีทั้งตลก ใบหน้าขึงตึง หันกลับปีนขึ้นรถม้าไป สั่งกับคนขับรถม้าอย่างเย็นชา “กลับจวน!”

คนขับรถม้ามองท่านอ๋องของตัวเองอย่างเห็นอกเห็นใจ จากนั้นก็ยกแส้ม้า นำหน้ากลับไปก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา