ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 150

เหลิ่งชิงฮวนกลืนน้ำลายลงคอ “งั้นท่านคิดว่า มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะเพคะ?”

มู่หรงฉีก้มหัวจ้องหน้าเธอ พูดอย่างจริงจัง “คือเขาใช่ไหม?”

เหลิ่งชิงฮวนไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่ง “เขาอะไรเพคะ?”

มู่หรงฉีหลุบตาลง มองไปที่ท้องน้องของเธอ แล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “เขากลับมาหาเจ้าแล้วใช่ไหม?”

เหลิ่งชิงฮวนสีหน้าซีดเซียวในชั่วพริบตา เปลี่ยนเป็นขาวซีด ยิ้มอย่างขมขื่น “พูดให้เข้าใจคือท่านไม่เชื่อหม่อมฉัน ใช่ไหม?”

ลมหายใจของมู่หรงฉีหนักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด “ข้าเคยเตือนสติตัวเอง ว่าต่อไปอย่าได้พูดจาไม่เหมาะไม่ควรเหมือนครั้งก่อนอีก และพยายามไม่หยาบคายกับเจ้า อยากที่จะลองเชื่อเจ้า แต่ข้าก็ไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้!”

เหลิ่งชิงฮวนจับมือแน่น ความเศร้าก็โผล่เข้ามาในใจ กระตุกมุมปาก “นั่นก็เป็นเพราะ ในใจของท่านมู่หรงฉีนั้น หม่อมฉันก็เป็นเหลิ่งชิงฮวนหญิงที่ไม่รักษาความเป็นกุลสตรี เป็นหญิงใจง่าย ภาพลักษณ์อย่างนี้มันสลักติดอยู่ในใจของท่าน ไม่สามารถที่จะลบล้างออกได้

ก็เหมือนกับขโมยคนหนึ่ง ที่เมื่อท่านเห็นว่าเขาออกมาจากห้องของท่าน ความคิดแรกของท่าน ก็คือเขาจะต้องมาขโมยของของท่านแน่นอน

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าหม่อมฉันจะทำอะไร ต่อให้จะอยู่กับเสิ่นหลิงเฟิง ฉีจิ่งอวิ๋น ท่านเองก็รู้สึกเช่นนั้น หม่อมฉันก็ไม่ใส่ใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายแปลกหน้าที่เข้าออกห้องข้าตอนกลางคืน?

สิ่งนี้หม่อมฉันไม่สามารถประณามท่านได้ มีเหตุก่อน หลังจากนั้นจึงมีผล สืบสาวราวเรื่องจนถึงแก่นแท้แล้วความไม่บริสุทธิ์ของหม่อมฉันทำให้ท่านพะวงอยู่ในใจตลอดเวลา ความจริงข้อนี้ พวกเราไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ ต่างฝ่ายต่างปล่อยวาง นั่นเป็นทางที่หลุดพ้นได้ดีที่สุด

มู่หรงฉี เอาหนังสือหย่ามาให้หม่อมฉันเถอะเพคะ ระหว่างท่านและหม่อมฉันไม่มีพันธนาการการแต่งงานนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องถือสาเรื่องพวกนี้ ถ้าไม่เกี่ยวข้องงกัน ท่านก็ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะท่าน”

มู่หรงฉีไม่อาจสะกดกลั้นความใจร้อนภายในใจได้ “ข้าเพียงแค่ต้องการคำอธิบายจากเจ้า!”

“หม่อมฉันอธิบายแล้วท่านก็ไม่เชื่อ หม่อมฉันทะนุถนอมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรามาก แม้กระทั่งเปิดเผยอดีตที่เจ็บปวดที่สุดในใจให้ท่านได้รู้ น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์ แม้ว่าหม่อมฉันละทิ้งการปลอมตัวของฉันทั้งหมด และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าท่าน ท่านก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเสแสร้ง”

“เจ้าไม่ใช่ข้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เชื่อเจ้า?”

“หากท่านเชื่อหม่อมฉัน จะปลอมตัวเป็นทหารอารักขา แอบตามหม่อมฉันกับเสิ่นหลิงเฟิงหรือเพคะ?”

มู่หรงฉีสะอึก เมื่อวานคิดหาข้อแก้ต่างไว้แล้ว ในเวลานี้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

“ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว หม่อมฉันนี่โง่จริงๆ ปกติทหารอารักขาสองคนนี้ไม่กล้าที่จะพูดกับหม่อมฉัน ในวันนั้นทำไมถึงได้กล้าหาญขนาดนั้น โอบเอวหม่อมฉันแล้วพาข้าเหาะขึ้นไปบนสันหลังคา? ที่แท้ ท่านสวมหน้ากากแทนเขา แสดงว่าในตอนนั้น เสิ่นหลินเฟิงเองก็มองออก แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาชัดเจน มีเพียงหม่อมฉันที่เป็นเหมือนคนโง่ โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบาง “ข้ายอมรับ ตอนนั้นได้ยินทหารอารักขามารายงานข้า ว่าเจ้ากับเสิ่นหลินเฟิงจะออกไปนอกเมือง เกิดความไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าพวกเจ้านั้นกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร ดังนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ใส่หน้ากากแล้วตามพวกเจ้าไป”

“ท่านไม่ได้อยากรู้อยากเห็น ท่านเพียงแต่สงสัย ท่านอยากหลบซ่อนอยู่ที่ลับ สอดแนมว่าหม่อมฉันกับหลินเฟิงไปมาหาสู่กันอย่างไร ระหว่างพวกเรามีความลับซ่อนเร้นอะไรอยู่หรือไม่ ดังนั้น สำหรับหม่อมฉัน ท่านไม่ได้มีความเชื่อใจขั้นพื้นฐานเลยตั้งแต่ต้น ท่านเหนื่อย หม่อมฉันเองก็เหนื่อย”

เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคน ถกเถียงปัญหาที่ทำให้สองฝ่ายโกรธกันได้อย่างสงบนิ่งอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าในใจทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความโกรธ ไม่ได้กระแทกกระทั้นส่อเสียดเหมือนแต่ก่อน เดือดพล่านเป็นฟืนเป็นไฟ

มู่หรงฉีอยากจะพูดว่าไม่ใช่ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ดูเหมือนตัวเขาเองไม่เคยเชื่อนางเลย ไม่เคยเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ตัวเองมักจะสงสัยเธอ เมื่อความเข้าใจผิดแรกคลี่คลาย ก็จะมีเรื่องเข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า

อยู่มาวันหนึ่ง เรื่องเข้าใจผิดเหล่านี้สะสมทับทมรวมกัน เหลิ่งชิงฮวนไม่สามารถหาเหตุผลที่ทําให้ตัวเองเชื่อได้ ตัวเองไม่ได้โกรธรุนแรงเหมือนแต่ก่อน แต่ในใจทุกข์ทรมานที่พูดออกมาไม่ได้ เหมือนกับหาเหาใส่หัว

เขาตั้งตารอคำอธิบายจากเหลิ่งชิงฮวน แต่คำอธิบายของฝ่ายตรงข้ามนั้น ตนเองก็จะจับผิดหาเหตุผลมาหักล้าง

อาจจะเป็นจริงอย่างที่นางพูด ว่าตัวเองเห็นว่านางนั้นเป็นคนไร้ศีลธรรมมาโดยตลอด

เขาเงียบไปชั่วขณะ

เหลิ่งชิงฮวนกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมถอย เธอคิดว่าคําพูดเหล่านี้เมื่อพูดออกมา ตัวเองก็จะหลุดพ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ในความเป็นจริง ในใจนั้นหนักหน่วย เสียใจอย่างมาก

เธอหันไปหยิบกระดาษพู่กัน กางออกตรงหน้ามู่หรงฉี เอาพู่กันยัดใส่มือเขา

“เจ้าอยากจะไปจริงๆเหรอ?”

“หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ท้องเริ่มโตแล้ว สามารถถูกคนพบเห็นได้ตลอดเวลา จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายโกลาหล ท่านปล่อยหม่อมฉันไป ก็เป็นการไว้ชีวิตหม่อมฉัน”

“แล้วเจ้าจะไปที่ไหน? จะมีคนรับผิดชอบเจ้าเหรอ?” มู่หรงฉีกัดฟัน “นิสัยของเจ้านั้นมีเพียงข้าเท่านั้นที่ทนเจ้าได้ หญิงม่ายคนหนึ่ง ออกจากจวนฉีอ๋อง ไม่มีใครมาแต่งงานกับเจ้าแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา