ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 152

มู่หรงฉีรับเทียบเชิญพวกนั้นมาไว้ในมือ ก่อนจะออกแรงจนเทียบเชิญเหล่านั้นกลายเป็นผุยผงปลิวไปตามสายลม

“ไปบอกพวกเขาว่าพระชายายุ่งมาก อีกอย่างเรื่องที่พวกแม่สื่อมาถึงหน้าประตูอย่าให้พระชายารู้เรื่องเด็ดขาด!”

นางจะได้ไม่เหลิงจนไม่แยแสเขา

ทหารเฝ้ายามพยักหน้าโค้งคำนับ มองดูท่านอ๋องที่โมโหจนใช้พละกำลังเช่นนี้ก็แอบตกใจรีบเอ่ยปากตอบรับ

มู่หรงฉีหันกลับไปกลับมาอยู่กับที่หลายครั้ง ก่อนจะหยุดและเอ่ยเสริม “หากพระชายาออกจากจวนอย่าลืมรายงานต่อข้า มิฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบ!”

ทหารเฝ้ายามจับก้นของตน ก่อนจะยืนตรงและตบอกรับประกัน

มู่หรงฉีเหยียดริมฝีปาก “เรื่องที่พระชายาถูกปลดห้ามให้แพร่ออกไปข้างนอก แต่ชายารองรู้ได้”

ทหารเฝ้ายามไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ได้แต่พยักหน้าอย่างงงงวยและทำตามคำสั่ง

ในตำหนักฉาวเทียน เหลิ่งชิงฮวนตื่นแล้ว เธอนอนคิดอยู่ครึ่งค่อนวันว่าจะกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีหรือว่าหาทางอื่นดี

แม้ว่าจะคาดคะเนเส้นทางในอนาคตไว้ได้นานแล้ว แต่เมื่อวันนี้มาถึงกลับรู้สึกสับสน

เธอต้องให้กำเนิดเด็กคนนี้แต่ก็ต้องไว้หน้าราชวงศ์ หากยังอยู่ในเมืองหลวงรังจะมีแต่ปัญหาดังนั้นเธอจึงคิดจะออกจากเมืองไปชั่วคราว

วันนี้เก็บข้าวของไปเจอท่านพี่กับท่านพ่อราคาถูกนั่นก่อน จัดการเรื่องของเธอให้เสร็จแล้วจะออกเดินทางไปให้ไกลและให้กำเนิดเด็กคนนี้

หลังจากตัดสินใจแล้วก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า

ในเรือนเงียบเชียบไม่มีผู้ใดสักคน

เธอรู้สึกแปลกใจ “โตวโตว!”

ไม่มีเสียงตอบรับ

“แม่หวัง?”

แม่นมเตียวตอบรับก่อนจะเดินเข้ามา “พระชายาตื่นแล้วหรือเจ้าคะ รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ บ่าวจะไปทำอาหารให้”

“โตวโตวกับแม่หวังล่ะ?”

แม่นมเตียวหันกลับมาก่อนจะยิ้มอย่างเสียใจ “เมื่อคืนโตวโตวกับแม่หวังดื่มน้ำแกงเห็นที่ต้มไว้ก็ไม่สบายทั้งคืน ตอนนี้ดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังไร้เรี่ยวแรงพักผ่อนอยู่เจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนตกใจ “ถูกพิษของเห็ดหรือ?”

“น่าจะใช่เจ้าค่ะ”

เธอรีบไปที่ห้องของโตวโตวก็เห็นว่านางกำลังนอนอยู่บนเตียงพลางร้องโอดครวญ “โอ๊ยๆ” เธอลองจับหน้าผากก็พบว่าร้อนมาก นางกำลังมีไข้

“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“วิงเวียนตาพร่า ปวดท้องอยากอาเจียนเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนยกมือขึ้นไปจับชีพจรของนาง โตวโตวดึงผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “ไม่ไหวแล้ว คุณหนู บ่าวทนไม่ไหวแล้ว บ่าวต้องไปห้องส้วมเจ้าค่ะ”

แม่นมเตียวรีบเข้ามาพยุงนางออกไปทันทีเธอไปดูอาการของแม่หวังต่อ นางกำลังอาเจียนอยู่ที่ขอบเตียง ด้านข้างมีอ่างที่ปูด้วยขี้เถ้าที่กำลังลุกไหม้

“ทำไมท่านไม่บอกข้าว่าโดนพิษ” เหลิ่งชิงฮวนตัดพ้อ “หากกินยาตั้งแต่แรกท่านก็จะไม่ต้องทรมานเช่นนี้”

“บ่าวกินยาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืนก็ดึกมากแล้วแม่นมเตียวจึงไม่กล้าไปปลุกคุณหนูเพียงแต่ไปเรียกหมอมาให้จ่ายยาให้ กินแล้วก็พอทุเลาลง แต่ว่ายังไร้เรี่ยวแรงยกหัวไม่ขึ้นเลยเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนเดินไปเดินมาระหว่างห้องของแม่หวังและโตวโตว ก่อนจะกลับไปปรุงยาและถือเข็มเล่มยาวดูน่ากลัวมาด้วย

โตวโตวและแม่หวังส่ายมือเป็นพัลวัน ไม่ยอมฉีดยา

เหลิ่งชิงหลางที่อยู่ในเรือนจื่อเถิงได้ยินข่าวก็ยืนยันซ้ำกับติงเซียงอย่างไม่เชื่อ ติงเซียงเองก็ยืนยันเด็ดขาด

“ปลดแล้วแน่นอนเจ้าค่ะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เลย”

เหลิ่งชิงหลางที่อยู่บนเตียงลุกขึ้นมาอย่างดีใจ “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เจ้าเองก็มีวันนี้เหมือนกัน เหลิ่งชิงฮวน! เปลี่ยนเสื้อผ้า!”

แม่จ้าวเข้ามาห้ามนางไว้ “ฮูหยินจะไปที่ตำหนักฉาวเทียนหรือเจ้าคะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ในที่สุดเหลิ่งชิงฮวนก็ถูกขับไล่ออกจากจวน ข้าในฐานะน้องสาวจะไม่ไปส่งเสียหน่อยหรือ”

“ฮูหยินระงับความโกรธ อย่าทำให้เสียเรื่องนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางหัวเราะเย็น “เรื่องดีแบบนี้ ข้าไม่ตีฆ้องร้องป่าวส่งนางออกไปก็ถือว่าระงับความโกรธแล้ว อีกอย่างท่านอ๋องก็เขียนหนังสือหย่าแล้วจะมีอะไรให้กลัว? เหลิ่งชิงฮวนนางสำส่อน เกี้ยวคนนู้นคนนี้จนบุรุษไม่อาจทนได้ ครั้งนี้ข้าจะซ้ำเติมให้ชื่อเสียงเกียรติภูมิของนางย่อยยับ”

ทั้งสองคนล้วนมีปัญหาคับข้องใจกันมานาน แม่จ้าวเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไปก็ไร้ประโยชน์ นางส่ายหน้าและหยุดพูดเพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมางใจ

เหลิ่งชิงหลางแต่งตัวจัดเต็มก่อนจะพาจือชิวไปที่ตำหนักฉาวเทียน

ในตำหนักฉาวเทียน โตวโตวและแม่หวังยืนอยู่ข้างกันในมือถือโถน้ำร้อนก้มหน้ารับผิดกับเหลิ่งชิงฮวน แม่นมเตียวก็พยายามเกลี้ยกล่อม

เหลิ่งชิงฮวนเกิดปีลา ความคิดเที่ยงตรง นิสัยโผงผาง เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเกลี้ยกล่อม

ทั้งสามคนถูกส่งตัวออกไปให้เก็บข้าวของ

คำโบราณว่า ครอบครัวแตกสาแหรกขาดมีค่าหลายหมื่น สินสอดของเธอยังพอแบ่งเงินค่านมผงให้ลูกได้บ้างในอนาคต

โตวโตวไม่ยอม นางงอแงและแอบบ่นว่าความคิดของหมอประจำจวนนั้นแย่เกินไปที่บอกให้นางแกล้งป่วย ถ้าแผนนี้ไม่ถูกเปิดโปงสิแปลก

แบบนี้มันจะดีได้อย่างไรกัน?

อีกทั้งตอนนี้แม่หวังเป็นเพียงคนไม่มีจุดยืน นางโลเลระหว่างเหลิ่งชิงหลางและเหลิ่งชิงฮวน ด้านหนึ่งถูกกุมไว้ด้วยสัญญาขายชีวิต อีกด้านก็ถูกจับไต๋ได้ยิ่งเห็นว่าคุณหนูของเธอยิ่งได้รับความสนใจจากมู่หรงฉีในใจก็รู้สึกโชคดี โดยหวังว่าเหลิ่งชิงฮวนจะไม่รู้ว่าตอนนั้นนางแอบทำเรื่องอะไรลับหลัง พอผ่านช่วงนี้ไปนางก็จะดูแลเธอให้ดีมากขึ้น

แม่นมเตียวเองก็อารมณ์ไม่ดี ในตอนแรกนางมาที่นี่เพื่อติดตามพวกนางเจ้านายและบ่าว อีกทั้งยังเกิดความเข้าใจผิดและกระทบกระทั่งกัน แต่เมื่อได้รู้จักกันอย่างลึกซึ้ง อาศัยประสบการณ์ในวังและสายตาที่เฉียบคมของนางก็รู้สึกว่าคุณหนูคนนี้ชางใจดีและฉลาด แตกต่างจากคนอื่น และคู่ควรกับท่านอ๋องมากๆ

ดังนั้นทั้งสามคนจึงไม่อยากให้นางจากไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เหลิ่งชิงหลางโบกพัดทรงกลมก่อนจะเข้าไปในลานพร้อมกับลมที่พัดโชยมา นางเดินไปรอบๆ ลานราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นก่อนจะชี้นิ้วสั่งจือชิว

“กลับไปต้องรื้อถอนห้องครัวเปลี่ยนเป็นห้องอาบน้ำของข้า ลานบ้านต้องปรับปรุงใหม่ด้วย ตรงนี้ทำเป็นลานบัวรอบด้านรายล้อมด้วยดอกโบตั๋น สามารถยืนบนลานร่ายรำและเล่นพิณ”

จือชิวเดินตามอยู่ด้านหลังเอ่ยตอบรับเสียงต่ำ

เหลิ่งชิงหลางเตะสิ่งของที่โตวโตวเพิ่งเก็บมาจนกระจัดกระจาย ก่อนจะเหยียบย่ำด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

โตวโตวตาแดง เบิกตาจ้องมองนางด้วยความโกรธ

เหลิ่งชิงฮวนไม่อยากจะสนใจนาง ปล่อยให้สองนายบ่าววิจารณ์กันไปโดยไม่ออกหน้า

อย่างไรเสียในอนาคตก็ต้องพบเจอกับคำเหน็บแนมมากมายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอต้องเรียนรู้ที่จะรักษาท่าทางเช่นนี้ไว้

เหลิ่งชิงหลางเดินจนรอบก่อนจะตรงเข้ามาหาเธอ ยืนพิงกรอบประตูและโบกพัดในมืออย่างพอใจ

“ที่นี่ครึกครื้นจริงๆ นะเพคะท่านพี่ น้องมาดูว่ามีอะไรพอจะช่วยได้ไหม”

“ไม่ต้อง” เหลิ่งชิงฮวนตอบเสียงเย็น

“เช่นนั้นท่านพี่ก็ต้องเก็บของออกไปให้หมดนะเพคะ ของสกปรกที่คนอื่นใช้แล้วมันขัดตา แต่จะเผาทิ้งก็เสียดายแย่”

เหลิ่งชิงฮวนเพียงเหลือบตามองนาง “ต่อให้ข้าไปแล้วตำหนักฉาวเทียนก็อาจจะไม่ได้ตกเป็นของเจ้า น้องสาวอย่าเพิ่งใจร้อนไป”

เหลิ่งชิงหลางยกพัดขึ้นมาปิดครึ่งหน้าอย่างพอใจ “เรื่องนี้ท่านพี่ไม่ต้องกังวลหรอกเพคะ แค่ท่านไปตำหนักฉาวเทียนก็กลายเป็นของจวนแล้ว ข้าอยากจะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา