ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 153

เหลิ่งชิงฮวนไม่ปฏิเสธ “ห้องที่ข้าเคยอาศัย เคยแต่งบุรุษ หากน้องสาวไม่รังเกียจก็รีบเก็บกวาดเถอะ จะโยนทิ้งก็เสียเปล่า”

“ท่านพี่ไม่ต้องแสร้งทำหน้ายินดีเช่นนี้หรอกเพคะ น้องได้กลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าท่านปลดท่านอ๋อง แต่เป็นท่านอ๋องที่ไม่ต้องการท่าน ท่านจะรังอยู่ในจวนอีกต่อไปจะมีประโยชน์อะไร ตัดใจเสียดีกว่านะเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา “หากเจ้ามาเพื่อพูดจาโอ้อวดเช่นนี้ก็รีบไปก่อนที่ข้าจะโมโห”

เหลิ่งชิงหลางเดินเข้ามาวนรอบเธอสองรอบ “ท่านพี่พูดจาเหลวไหลอะไรกัน ใครจะไปรู้ว่าคราวหน้าจะมีโอกาสได้พบกันไหม แล้วน้องจะไม่มาส่งท่านพี่ได้อย่างไรล่ะเพคะ ถูกปลดออกจากราชวงศ์ ต่อให้พี่ชายจะเลือกเรียนในสำนักฮั่นหลินแล้วอย่างไรล่ะ? คนที่ปกป้องตัวท่านได้กลับปกป้องชื่อเสียงท่านไม่ได้ หากถูกผู้คนชี้หน้าด่าไร้หนทางอธิบายไม่สู้ตายไปอย่างมีความสุขจะดีกว่า”

“เพี๊ยะ!”

ร่างของเหลิ่งชิงหลางโอนเอน นางมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมแก้มที่ร้อนผ่าวอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้ากล้าตบข้า?”

เหลิ่งชิงฮวนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือก่อนจะยกยิ้มให้นาง “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ? ตอนนี้ข้าไม่ใช่พระชายาแล้ว ผืนฟ้าแผ่นดินกว้างใหญ่ มู่หรงฉีก็ทำอะไรข้าไม่ได้ มีอะไรที่ข้าต้องกลัว? วันนี้เจ้าเต็มใจเข้ามาให้ข้าตบถึงที่ ข้าก็ย่อมต้องสนองความต้องการของเจ้า”

เหลิ่งชิงหลางไม่คิดเลยว่าหงส์ตกฟ้าที่ชะตากรรมไม่สู้ไก่เช่นนางจะกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ “ตอนนี้เจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้นเป็นแค่สนมที่โดนทิ้ง เจ้าคิดว่าท่านพ่อจะปกป้องเจ้าหรือ? ในเมื่อเจ้ากล้าตบข้า รอเจ้าก้าวขาออกจากจวนท่านอ๋องไปเมื่อไหร่ ข้าจะทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็น!”

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่ “เจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็แอบกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ เช่นนั้นข้าไม่ไปแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะทำให้ข้าตายทั้งเป็นได้อย่างไร”

“เจ้าโดนปลดแล้วยังมีหน้าอยู่ต่ออีกหรือ?” เหลิ่งชิงหลางกุมใบหน้าที่เริ่มบวมเจ็บจบต้องเบ้ปาก “ในเมื่อกล้าลงมือกับข้า ดูสิว่าข้าจะฉีกใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเจ้ายังไง จือชิว ลงมือ!”

จือชิวเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนที่ยืนนิ่งไม่ขยับ

เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่เกรงใจ ยกแขนขึ้นมาตบแบบหนึ่งแถมหนึ่งให้นางดัง “เพี๊ยะ”

“ในเมื่อคิดจะลงมือ เช่นนั้นข้าก็ขอเปิดก่อนเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ไม่เกรงใจกับน้องสาวแล้ว”

เหลิ่งชิงหลางโดนตบจนมึนงง จมูกของนางร้อนจัดและมีเลือดกำเดาไหลลงมา นางเช็ดมันด้วยหลังมือ หัวใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“ทหาร ฆ่าคนแล้ว รีบขับไล่เหลิ่งชิงฮวนออกไปจากจวนเร็ว”

คนในจวนไม่มีใครขยับ แต่พากันมามุงดูความสนุก

เหลิ่งชิงฮวนเดินเข้าไปใกล้นาง นางรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลิ่งชิงฮวนจึงถอยหนีอย่างหวาดกลัว “เจ้าจะทำอะไร”

“คันมือ”

เหลิ่งชิงหลางขี้ขลาดตาขาวแต่ยังคงทำปากกล้า “เจ้ากล้าหรือ!”

“กล้าไม่กล้าข้าก็ตบไปแล้วสองครั้ง”

“ท่านอ๋องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

“ดีสิ ข้าจะรอดู ดูว่าท่านอ๋องจะปกป้องเจ้าอย่างไร”

เหลิ่งชิงหลางเดินโซซัดโซเซออกจากห้องไป เมื่อถึงจุดที่ปลอดภัยสายตาก็สงบนิ่งและวางมาดขึ้นมาทันที

“เจ้าไม่ใช่พระชายาอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อกล้าเหิมเกริม ลงมือทำร้ายผู้คน ถ้าเจ้าเก่งนักก็อย่าหนีไปไหน รอข้าอยู่ตรงนี้!”

เหลิ่งชิงฮวนกอดอก ขมวดคิ้วมองนาง “ข้ายังไม่ทันได้พูดว่าจะไปเลย ข้าจะรอ วางใจเถอะ ถ้าเจ้ายังไม่กลับมาข้าก็ไม่ไปไหนหรอก”

เหลิ่งชิงหลางกุมหน้าพาจือชิวออกไป

มุมปากของเหลิ่งชิงฮวนแฝงความขี้เล่น “เงาของจินซื่อที่อยู่บนตัวของเหลิ่งชิงหลางนับวันยิ่งชัดเจนขึ้น หากวันนี้ไม่ถูกบีบให้ร้อนรนก็คงจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นแล้ว”

โตวโตวเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างซื่อๆ “คุณหนู พวกเรายังจะไปไหมเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนส่งเสียงเบาๆ “ทำไมต้องไปล่ะ คนอื่นจะคิดว่าข้ากลัวนาง”

“คนฉลาดจะเลี่ยงการโดนเอาเปรียบ หากท่านอ๋องฟังคำยุยงของนางแล้วมาซักไซ้เอาความจะทำอย่างไรเจ้าคะ”

แม่นมเตียวร้อนรนจนกระตุกชายเสื้อเธอด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด

เหลิ่งชิงฮวนลูบท้องของเธอ “เช่นนั้นแล้วยังไม่รีบไปก่อไฟทำอาหารอีก กองทัพต้องเดินด้วยท้อง”

แม่นมเตียวตอบรับอย่างดีใจ ก่อนจะดึงโตวโตวและแม่หวังออกไป “รีบไปทำงานเร็ว จะยืนอยู่ตรงนี้ทำไม”

โตวโตวยังไม่ทันได้ตอบสนอง “ข้ากลัวว่าคุณหนูจะถูกเอาเปรียบน่ะ!”

เหลิ่งชิงหลางไม่ได้รับประโยชน์แม้แต่น้อยซ้ำยังถูกโจมตี มีหรือที่นางจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ? ในช่วงสองวันที่ผ่านมามู่หรงฉีมักจะไปๆ มาๆ ที่เรือนหลังอยู่บ่อยครั้งทำให้นางรู้สึกมีความหวัง ดังนั้นเมื่อออกมาจากเรือนจื่อเถิงนางจึงไปห้องตำราเพื่อฟ้องมู่หรงฉีทันที

วันนี้มู่หรงฉีไม่ได้ออกไปไหนจึงอยู่ในจวน เขาได้ยินเรื่องที่เหลิ่งชิงหลางไปโวยวายที่ตำหนักฉาวเทียนแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

เหลิ่งชิงหลางเข้ามาในห้องตำราพร้อมกับใบหน้าที่บวมปูด นางร่ำไห้อยู่ต่อหน้าเขาราวกับจะขาดใจ

เขาเอ่ยเสียงนิ่ง “ข้าบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าไปยั่วโมโหนาง ทำไมเจ้าถึงไม่ฟัง ซ้ำยังไปหาถึงที่?”

เหลิ่งชิงหลางงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ “หม่อมฉันได้ยินว่าท่านอ๋องโมโหจนปลดท่านพี่จึงเป็นกังวลว่านางจะคิดไม่ตกก็เลยไปปลอบใจนาง คนพูดไม่คิดแต่คนฟังกลับคิด นางหาว่าหม่อมฉันได้ทีขี่แพะไล่เพคะ”

มู่หรงฉีเพียงตอบรับเสียงเรียบนิ่ง “ข้ารู้แล้ว ข้าจะทวงความยุติธรรมให้ เจ้ากลับไปได้แล้ว”

เหลิ่งชิงหลางยืนนิ่งไม่ขยับ

“นางถูกปลดแล้วแต่ท่านอ๋องยังจะให้นางอยู่ในจวนต่อไปหรือเพคะ”

มู่หรงฉีหลุบตาลงมองนางอย่างเย็นชา “ใครบอกว่านางถูกปลด?”

“เอ่อ ท่านพี่พูดเองเพคะ”

“เหรอ? ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่อง”

เหลิ่งชิงหลางสะอึก สัมผัสได้ถึงความเย็นชาในคำพูดของเขาก่อนจะถอยหลังไปอย่างอึดอัด “พวกบ่าวคงพูดจาเหลวไหลกันเพคะ”

“รู้แล้ว กลับไปเถอะ”

เหลิ่งชิงหลางไม่พอใจ แต่ก็ต้องกัดฟันออกไป

มู่หรงฉีมองเงาของนางที่ค่อยๆ หายไปจากดวงตาอย่างเย็นชา ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเล็กน้อย

เมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าเหลิ่งชิงหลางจะเป็นสตรีที่มีนิสัยร้ายกาจ แต่เมื่อได้ลองทดสอบดูในวันนี้ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าตนเองถูกรูปร่างหน้าตาของนางหลอกเข้าจริงๆ ทำไมตอนนั้นเขาถึงได้รู้สึกใจเต้น ทั้งยังไม่ยอมเชื่อฟังเสด็จย่าและยืนกรานที่จะแต่งนางเป็นชายาเอก

ความถูกและผิดเริ่มค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในใจเขา สตรีเช่นนี้เขาชอบไม่ลง

ส่วนเหลิ่งชิงฮวนที่นิสัยหยาบคายและดุร้าย เพียงแค่ถูกเหลิ่งชิงหลางกระตุ้นนิดหน่อยก็เปลี่ยนความคิดไม่ออกจากจวน

เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้จากไป หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยเธอรอให้มู่หรงฉีมาคิดบัญชี เธอตบตีสตรีที่เขารัก ไม่มีทางที่เขาจะไม่ทำอะไร

แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าเหลิ่งชิงหลางจะมาฟ้องอย่างไรมู่หรงฉีก็ไม่มาคิดบัญชีกับเธอ แน่นอนว่าตราบใดที่สามีภรรยาเลิกกันและเป็นเพื่อนกัน พวกเขาจะรู้วิธีเคารพซึ่งกันและกัน และพวกเขาจะไม่ทำตัวหยาบคายเหมือนก่อน

ครั้งต่อไปที่เจอท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ เธอจะต้องคุกเข่าคำนับไหม?

หลังจากรอมาหนึ่งวันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาจนเธอรู้สึกเบื่อหน่าย เธอเคยชินกับการต่อสู้ด้วยไหวพริบและการปะทะฝีปากกับเขา แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการยั่วยุแบบนี้ นั่นทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เธอนอนหลับไปด้วยความอึดอัด คิดว่าตื่นมาค่อยไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา