ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 156

เหลิ่งชิงฮวนได้พักผ่อนแล้ว แต่ก็ได้ยินเสียงคนทุบประตูจากข้างนอกพร้อมกับเสียงตะโกนของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด “รีบเปิดประตูเร็ว ท่านอ๋องถูกพิษ!”

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจ ไม่สนใจจะสวมรองเท้า เปิดประตูด้วยเท้าเปล่าแล้วรีบออกไปทันที

เมื่อเปิดประตูเรือนไปก็เห็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพยุงมู่หรงฉีที่สภาพร่อแร่อยู่ด้านนอก พลางตะโกนเรียกเหลิ่งชิงฮวนอย่างตื่นตูม “พระชายา รีบดูท่านอ๋องเร็วเข้า ท่านอ๋องบาดเจ็บทั้งยังถูกพิษ พิษเข้าสู่หัวใจแล้ว”

หัวใจของเหลิ่งชิงฮวนกระตุกวูบ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นจับชีพจรของมู่หรงฉีและเอ่ยถามอย่างร้อนรน “ถูกพิษอะไร”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดรีบเอ่ย “ก็ใบมีดอาบยาพิษที่พระนางมอบให้กระหม่อมไงขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนถึงได้วางใจ “เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรมาก รีบพยุงเขาเข้ามาในห้องเร็ว”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดรีบพยุงมู่หรงฉีที่ไร้เรี่ยวแรงเข้าไปที่เก้าอี้ในห้องหลัก แต่มู่หรงฉีหลับไม่หยุดฝีเท้า เดินตรงเข้าไปที่ห้องนอนและล้มตัวลงนอนทันทีพร้อมกับปิดเปลือกตา คิ้วเรียวขมวดแน่น ใบหน้าดูเจ็บปวดรวดร้าว

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดรู้สึกว่าตอนที่ท่านอ๋องเข้ามาด้านในก็ดูมีเรี่ยวมีแรง ทำไมพอล้มตัวลงนอนถึงได้ดูเหลวเหมือนดินโคลนไร้ประโยชน์เช่นนี้

ใบมีดอาบยาพิษของเขาทำบาปอะไรลงไปกันแน่

“ปากแผลอยู่ตรงไหน” เหลิ่งชิงฮวนจุดตะเกียง นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดยกแขนข้างที่บาดเจ็บของมู่หรงฉีขึ้นมา เลิกแขนเสื้อขึ้นให้เห็นบาดแผล

เหลิ่งชิงฮวนมองก่อนจะลุกขึ้นและผ่อนลมหายใจ “โชคดีที่มาเร็ว”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตกใจ “พิษนี้ร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ เพียงแค่เวลาไม่นานเอง”

เหลิ่งชิงฮวนถอนใจ “ข้าหมายความว่าโชคดีที่มาเร็ว ไม่เช่นนั้นบาดแผลนี้ก็คงสมานเองไปแล้ว”

เอ่อ…

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกาหัวยิกๆ เมื่อครู่เขาเข้าใจผิดจนทำให้ท่านอ๋องบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้ดูบาดแผลของเขา เพียงแค่คิดว่าท่านอ๋องของเขาเป็นพวกที่โดนแทงแล้วก็ไม่ร้องสักแอะ เรื่องตื่นตระหนกเช่นนี้คงบาดเจ็บไม่น้อย

แต่ตอนนี้พอลองมองดูบาดแผลนั้นเป็นเพียงแค่ผิวหนังถลอกยาวเพียงหนึ่งนิ้ว แม้จะมีสีเขียวช้ำแต่เลือดหยุดไหลไปเองแล้ว

ดูเหมือนเขาจะ…ตื่นตูมไปเอง

มู่หรงฉีกระแอมอย่างเขินอาย ในน้ำเสียงมีความน้อยอกน้อยใจ “บาดแผลเจ็บและร้อนผ่าว”

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองเขา หลังจากที่ทำการฆ่าเชื้อบาดแผลและใส่ยาแล้วหยิบด่างทับทิมออกมา ใช้สำลีก้านชุบและทาลงบนแผลของเขา

“นี่มันยาอะไรกัน” รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงมีสีเช่นนี้ สีม่วงเหลือเกิน”

“ยาถอนพิษประจำตระกูล ฆ่าเชื้อ ลดบวม กลับไปล้างก็หายแล้ว”

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามู่หรงฉีไม่ได้มองที่บาดแผล แต่ลดเปลือกตาลงจ้องมองตรงไปที่พื้น เธอจึงมองตามลงไปก่อนจะพบว่าเมื่อครู่เธอรีบร้อนจนลืมใส่รองเท้า

ก็เลยอดโมโหขึ้นมาไม่ได้ “มองอะไรนักหนา!”

ก่อนจะรีบหารองเท้ามาใส่

มู่หรงฉีถึงได้ดึงสายตากลับมาอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย เฝ้ามองดูเธอรักษาบาดแผลให้อย่างเชื่อฟัง

ลมด้านนอกพัดพาเอากรวดหินดินทรายเข้ามาด้านใน ก่อนสายฟ้าสีขาวจะฟาดลงมาติดๆ ท่ามกลางความมืดมิด

“ฝนใกล้จะตกแล้ว หากพวกท่านไม่มีอะไรเช่นนั้นก็เชิญกลับ”

เหลิ่งชิงฮวนป้อนยาล้างพิษให้เขาและออกคำสั่งไล่ทันที

มู่หรงฉีกระแอมเบาๆ “แต่ข้ายังรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ดวงตาพร่ามัว หัวใจปั่นป่วน เป็นผลของพิษใช่หรือไม่”

เหลิ่งชิงฮวนยกยิ้มเย็น “ถลอกแค่นี้จะเป็นพิษถึงตายได้อย่างไรเพคะ”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “หรือไม่ พระชายาก็ตรวจร่างกายของท่านอ๋องก่อนดีไหมขอรับ ใช้อันที่เอาใส่เข้าไปในหูอันนั้นฟังหัวใจ หากมีอะไรผิดพลาดกระหม่อมก็อาจจะเสียรังวัดไปด้วย ไม่ต้องคิดถึงชีวิตที่เหลือยู่เลย”

เหลิ่งชิงฮวนกลอกตาใส่เขา “ข้าให้ใบมีดอาบยาพิษเจ้าไว้เพื่อป้องกันตัวแต่เจ้ากลับเอามาใช้กับท่านอ๋อง สมน้ำหน้า!”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูดด้วยใบหน้าเศร้า “กระหม่อมเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้นนะขอรับ มันเป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ เห็นท่านอ๋องทำลับๆ ล่อๆ บนหลังคาห้องตำราก็คิดว่ามีสายลับของศัตรูเข้าสอดแนมสถานการณ์ทางทหาร กระหม่อมกลัวว่ามันจะเก่งจนหลุดมือไปอีกจะต้องจับตาย ท่านลองคิดดูหากมันถูกพิษก็จะต้องมาขอยาแก้พิษจากท่าน แบบนี้ไม่ใช่ว่าเข้ามาติดกับดักเองหรือ แต่ใครจะรู้ว่าพอหันมากลับเป็น…”

หลังจากพูดไปได้ครึ่งทางรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็หยุดและมองไปที่มู่หรงฉี ก่อนจะเอ่ยถามอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องขึ้นไปทำอะไรบนหลังคาดึกๆ ดื่นๆ ขอรับ”

มู่หรงฉีส่งสายตาว่าหุบปากให้เขา “อากาศร้อนอบอ้าว บนหลังคาเย็นสบาย”

“เช่นนั้นท่านก้มลงไปทำอะไรกับกระเบื้องบนหลังคา”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่เข้าใจความหมายของมู่หรงฉีจึงเอ่ยถามต่อ

มู่หรงฉีลูบจมูก “ก็ฝนใกล้จะตกมิใช่หรือ ข้ากลัวว่ากระเบื้องบนหลังคาจะถูกข้าเหยียบจนพังแล้วน้ำฝนจะรั่วลงไป จึงจัดการเสียหน่อย”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพลันตระหนักได้ “หากน้ำฝนรั่วลงไปก็ต้องซ่อมแซมใหม่ แต่หากกระเบื้องเคลือบหลวมก็จะรั่วได้ง่ายกว่า”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเหอะๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านอ๋องก็รีบกลับไปเถอะเพคะ หากห้องตำราเกิดหลังคารั่วจนตำราอันล้ำค่าของท่าเปียกคงไม่ดีแน่”

ในขณะที่พูดข้างนอกก็เกิดฟ้าผ่า ทำให้ท้องฟ้าเปิดออกและฝนก็ตกลงมาอย่างกะทันหัน ทั่วทั้งเรือนเต็มไปด้วยเสียงดัง “เปาะแปะ” ทันที

“โอย ฝนนี่นึกจะตกก็ตกมาเสียอย่างนั้น” รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดมองดูท้องฟ้าข้างนอกอย่างหงุดหงิด “ข้าเกรงว่าฝนจะไม่หยุดสักพัก ท่านอ๋องรอที่นี่ก่อนนะขอรับ กระหม่อมจะไปเอาร่มมา”

มู่หรงฉีนอนนิ่งไม่ขยับราวกับโคลน “ลมพัดแรงเช่นนี้จะถือร่มได้หรือ”

น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมผัสได้ถึงความสั่นในเสียงของเขา ก่อนจะหันหน้าไปชำเลืองมองมู่หรงฉีที่ทำท่าหมดแรง จากนั้นก็หันไปมองเหลิ่งชิงฮวน ก่อนจะเข้าใจว่าวันนี้มู่หรงฉีต้องการจะทำอะไร

ขึ้นไปกินลมชมวิว ดูท่าคงจะขึ้นไปรื้อหลังคามากกว่า เมื่อเห็นว่าฝนกำลังจะตก หากเอากระเบื้องออกห้องตำราก็จะเปียกฝน แล้วก้จะมีข้ออ้างให้ไปนอนที่ตำหนักฉาวเทียนกับพระชายา!

ขออภัยที่กระหม่อมคิดว่าท่านนั้นคิดสกปรก แค่สิ่งที่ท่านทำวันนี้ รวมกับใบหน้าสับปลับก็ล้วนสนับสนุนการคาดเดาของกระหม่อม ช่างไม่เข้ากับฐานะของท่านเลยจริงๆ!

แต่รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ใช่คนโง่ มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ เขามักจะแข็งนอกอ่อนในทั้งยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย

เมื่อคิดเช่นนี้ก็รู้สึกว่าท่านอ๋องคงเสียใจมานานแล้วแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากรั้ง จึงได้วิ่งมาหาตน ดื่มสุราให้เมามายและทำเป็นปากพล่อย วางอุบายให้ตนทำให้ทั้งสองคนคืนดีกัน

เมื่อคิดเช่นนี้ทะเลาะกันที่หัวเตียงพอมาปลายเตียงก็คืนดีกัน แล้วตัวเขาจะอยู่ต่อทำไม รีบกลับไปอาบน้ำดีกว่า

เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “กระหม่อมลืมไป ตอนนี้บนตัวท่านอ๋องมีบาดแผลจึงไม่อยากโดนฝน ฝนห่าใหญ่เช่นนี้จะฝ่าออกไปได้อย่างไร เช่นนั้นกระหม่อมจะกลับไปเฝ้าห้องตำราของท่านอ๋องก่อน หากเปียกฝนขึ้นมาก็จะได้ช่วยดูพวกผลงานชิ้นเอกของท่านด้วย”

ไม้อ่อนดัดง่ายจริงๆ มู่หรงฉีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “มีเจ้าช่วยดูห้องตำราของข้าเช่นนั้นข้าก็วางใจ ไปเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา