ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 157

จู่ๆ เหลิ่งชิงฮวนก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? จะอยู่ต่อหรือเพคะ”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังอยู่ที่นี่ มู่หรงฉีก็ไม่กล้าเอ่ยปากอะไรมากจึงขยิบตาให้ รองผู้บัญชาการทหารทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมของตน รู้ว่าตัวเองเป็นก้างขวางคอดังนั้นเขาจึงกัดฟันวิ่งฝ่าฝนออกไปแต่ก็ไม่ลืมปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างพิถีพิถัน

มู่หรงฉีค่อยๆ พยักหน้าอย่างไม่รีบร้อน “วันฝนตก รั้งแขกไว้”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเย็น “บัดนี้ท่านกับหม่อมฉันไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว หากท่านอ๋องอยู่ที่นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมและกลายเป็นขี้ปากคนได้ อย่าเอาชื่อเสียงมาทำลายเลยเพคะ”

มู่หรงฉีเอ่ยอย่างมั่นใจ “ตอนนี้บนตัวข้าบาดเจ็บ อีกทั้งยังเป็นเพราะเจ้า ในฐานะหมอเจ้าจะไล่ข้าออกไปจริงหรือ?”

“หากท่านอ๋องกลัวว่าจะไม่มีใครดูแล เช่นนั้นหม่อมฉันจะส่งคนไปที่เรือนจื่อเถิงเรียกเหลิ่งชิงหลางหรือไม่ก็จือชิวมาปรนนิบัติท่าน หม่อมฉันเชื่อว่าทั้งสองคนจะต้องดูแลได้เป็นอย่างดีแน่”

เหลิ่งชิงฮวนหันหลังกลับไปแต่กลับถูกมู่หรงฉีจับแขนไว้

“เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แล้วทำไมต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไรด้วย”

เหลิ่งชิงฮวนหันกลับมาเห็นมู่หรงฉีมองเธอด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับมีหมอกควันบดบังดวงตาจนทำให้เดาไม่ได้

“หม่อมฉันเป็นห่วงท่าน?”

มู่หรงฉีกวาดสายตามองลงไปที่เท้าของนาง “พวกเราค่อยๆ คุยกันได้ไหม”

“พวกเราคุยกันชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”

“วันนี้ข้าไปหาจิ่งอวิ๋นแล้ว ข้าผิดเองที่ไม่แยกแยะถูกผิดแล้วกล่าวโทษเจ้า”

เหลิ่งชิงฮวนสูดหายใจลึก “แล้วอย่างไรล่ะเพคะ”

มู่หรงฉีกุมมือเธอแน่น “ข้าขอถอนคำพูดที่ข้าพูดวันนั้นได้ไหม รวมถึง…เจ้า”

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้าเบาๆ ทำใจแข็ง “น้ำแข็งหนาสามฟุต มิใช่จากความหนาวเพียงวันเดียว ความผิดหวังก็มิได้เกิดอย่างกะทันหันตางก็ต้องสะสมมาก่อนทั้งนั้น พวกเราไม่เหมาะสมกัน แม้ว่าจะไม่ได้ทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบในตอนแรกแต่ตอนนี้ก็ยังคงเป็นน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ ระหว่างเรามีอุปสรรคมากมาย และความระแวงก็เป็นหนึ่งในนั้นเพคะ”

“ข้าแค่รีบร้อนไป” มู่หรงฉีพยายามอธิบาย “เหมือนกับตอนที่เจ้าคิดฟุ้งซ่าน โมโหพาลพาโลเมื่อเห็นข้าอยู่กับจิ่นอวี๋”

“ไม่เหมือนกันสักนิด!” เหลิ่งชิงฮวนคัดขืนแต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากการจับกุมของมู่หรงฉี “ท่านกับจิ่นอวี๋เดิมทีก็คลุมเครือ เด็ดบัวยังเหลือใย พวกองค์หญิงในวังต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียว ไหนจะเหลิ่งชิงหลางที่ท่านรักนักรักหนา คอยเอาอกเอาใจ ต่อให้นางทำความผิดท่านก็ไม่คิดจะกล่าวโทษนางเลยสักครั้ง”

“แล้วทำไมถึงได้จงใจหาเรื่องแต่กับหม่อมฉัน? ท่านอ๋องสามารถใจโลเล เกี้ยวคนนู้นคนนี้ไปทั่วได้ แต่หม่อมฉันจะพูดคุยใครสักคำก็ไม่ได้งั้นหรือเพคะ”

มู่หรงฉีมองเธออย่างยิ้มๆ มือที่จับมือเธอส่ายเบาๆ “ยังจะบอกว่าไม่หึงอีกหรือ? เจ้าจะโกรธเคืองเช่นนี้ไปทำไมกัน?”

เหลิ่งชิงฮวนชะงัก ก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์” ใช่ ไม่เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉัน! ท่านเป็นท่านอ๋องแห่งราชสำนัก เอกสามอนุสี่จะเป็นไรไป? นั่นมันไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันเลยสักนิด! ท่านจะไปทำตัวเสเพลที่ไหนก็ไป แต่อย่ามายุ่งกับเตียงของหม่อมฉัน!”

ยังไม่ทันจะด่าจบมู่หรงฉีก็ออกแรงดึงเธอล้มลงไปในอ้อมอกของเขา ก่อนที่มู่หรงฉีจะพลิกตัวกักขังนางไว้บนเตียง

ท่าทางของทั้งสองคนใกล้ชิดและดูคลุมเครือ มู่หรงฉีเรี่ยวแรงเยอะมาก เขารวบข้อมือของเหลิ่งชิงฮวนไว้เหนือศีรษะ ท่อนบนกดทับร่างของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าของเหลิ่งชิงฮวน

“ข้าก็แค่ชอบเตียงของข้า และคนที่อยู่บนเตียงข้า”

“ท่านพูดเช่นนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ? สาวงามของเรือนจื่อเถิงสองคนก็เป็นคนที่อยู่บนเตียงของท่านไม่ใช่หรือ?”

มู่หรงฉีหลุดขำ “ข้าไม่เคยแตะต้องจือชิวแม้แต่ปลายนิ้ว”

“จือชิวเดินเหินลำบากอยู่สองวัน คนในจวนต่างก็พูดว่าท่านอ๋องฉีพละกำลังมาก แล้วท่านจะยังมาทำเล่นลิ้นกับหม่อมฉันอีกหรือเพคะ”

“นั่นเพราะข้าโกรธนาง! นางกล้าวางแผนใส่ข้า ข้าจึงให้นางคุกเข่าอยู่ในห้องสองคืนเพื่อเป็นการลงโทษ”

มู่หรงฉีที่เห็นว่าเธอยิ่งโมโหก็กลับรู้สึกดีเบิกบานใจ มุมปากของเขายกขึ้น “โกรธหรือ?”

ทั้งสองอยู่ใกล้กันและบทสนทนาของพวกเขาก็คลุมเครือเกินไป เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกปากแห้ง หัวใจเต้นระส่ำ กังวลจนพูดอะไรไม่ออก

“ใครโกรธกัน? ท่านอย่าคิดไปเองฝ่ายเดียว ปล่อยหม่อมฉัน!”

มู่หรงฉีส่ายหน้า “ไม่ปล่อย”

ใบหูของเหลิ่งชิงฮวนแดง “พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว ท่านอย่ามาเล่นลูกไม้!”

มู่หรงฉีก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซุกหน้าลงกับต้นคอของเธอ “หอมจริงๆ”

เหลิ่งชิงฮวนโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องวันนี้คนผู้ตั้งใจทำ ท่านอ๋องผู้สง่างามนั้นบ้าบิ่นมาก คนหยิ่งผยองต่อหน้าเธอหากไปไหนแล้ว? ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนหมาขี้เรื้อนเช่นนี้

“หากไม่ปล่อยก็อย่าหาว่าหม่อมฉันไม่เกรงใจนะเพคะ!”

“ไม่เกรงใจอย่างไรกัน? นี่เจ้ากำลังเตือนข้าว่าบนร่างเจ้าซ่อนยาพิษไว้งั้นหรือ?” สายตาของมู่หรงฉีสอดส่องบนเรือนร่างเธอ “เจ้าจะยอมเอาออกมาดีๆ หรือจะให้ข้าค้นเอง”

เหลิ่งชิงฮวนที่ถูกจับแขนไว้ดิ้นไม่หลุดก็บิดเอวอย่างร้อนรน “ไม่มีเพคะ!”

“ไม่มี? เช่นนั้นเจ้าก็หมายความว่า ข้าสามารถ…”

เดิมทีตั้งใจแค่จะหยอกให้สตรีนางนี้กลัว แต่เมื่อมู่หรงฉีเหลือบเห็นคอเสื้อที่ยุ่งเหยิงและเอวที่บิดเร่าของเธอ ลำคอของเขาก็แหบแห้ง อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าสายตาของเขากำลังแผดเผาจนเธอรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง และมันทำให้เธออึดอัดมาก

“ปล่อยหม่อมฉัน!” น้ำเสียงของเธอสั่น

“ชิงฮวน!”

มู่หรงฉีเองก็เปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

คิ้วของเหลิ่งชิงฮวนขมวดแน่น เจ็บปวดจนกัดริมฝีปากและห่อตัว “เจ็บ!”

“เป็นอะไรไป?” ความละมุนละไมในใจของมู่หรงฉีหายไปทันที เขารีบถามอย่างกังวล

“ท้องของหม่อมฉันเจ็บมากๆ เพคะ!”

มู่หรงฉีรีบปล่อยมือ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก “ยังดีๆ อยู่ทำไมถึงได้เจ็บท้องล่ะ”

“เมื่อครู่ เมื่อครู่ที่ท่านดึงหม่อมฉันท้องกระแทกเข้ากับขอบเตียง น่าจะกระทบครรภ์”

มู่หรงฉีกระโดดลงจากเตียง ตื่นตระหนกจนเหงื่อไหล “ทำอย่างไร? ต้องทำอย่างไร? ข้าต้องทำอะไร? ขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

เหลิ่งชิงฮวนขดตัวเป็นก้อนกลม พูดจาติดๆ ขัดๆ “หมอ ตามหมอมา เร็วเข้า!”

“ได้ ข้าจะรีบไป เจ้าต้องแข็งใจไว้ ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด!”

มู่หรงฉีหันหลังวิ่งออกไปอย่างรีบร้อนทันที ลุกลี้ลุกลนเหมือนแมลงวันหัวขาด จนศีรษะกระแทกกับกรอบประตูดัง “ตึง”

ไหล่ของเหลิ่งชิงฮวนสั่นอย่างอดไม่ได้

มู่หรงฉีไม่สนใจอะไร รีบวิ่งฝ่าฝนออกไปทันที

เหลิ่งชิงฮวนค่อยๆ ลืมตาข้างหนึ่ง เมื่อไม่เห็นเงาของเขาก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปปิดประตูและลงกลอนทันที

ก่อนจะกลับเข้ามาปิดหน้าต่าง กลับขึ้นเตียงและถอนใจอย่างโล่งอก ราวกับเพิ่งรอดชีวิตจากเรื่องร้ายมา

แม่เจ้า นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เกือบจะหาเรื่องใส่ตัวแล้วไง

ฤดูร้อนกำลังจะหมดแล้ว แต่วสันตฤดูของมู่หรงฉีทำไมถึงได้มาช้าเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา