ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 193

ในห้องนั้นมีน้ำแข็งอยู่ เมื่อเข้าห้องไปความร้อนที่อยู่บนตัวนั้นก็หายสิ้น

เหลิ่งชิงหลางกำลังนั่งกินเหล้าอยู่ที่โต๊ะ ข้างๆ นั้นวางกล่องที่ใส่ยาเม็ดหนิงเซียงอยู่ เหล้าที่ร้อนระอุนั้นไหลลงคอ ฤทธิ์ยาของยาเม็ดหนิงเซียงค่อยๆ ออกฤทธิ์

นางนั้นเกิดภาพลวงตาขึ้นมา นางเห็นว่ามู่หรงฉี กำลังเดินมาหาเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาและทรงคิ้วที่เข้มงวดนั้นก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

ใจของนางนั้นเบิกบานขึ้นมา เมื่อนางอ้าปาก กลิ่นหอมของเหล้าและกลิ่นหอมที่พิเศษของยาเม็ดหนิงเซียงก็รวมเข้าอยู่ด้วยกัน "หม่อมฉันกินยาเม็ดหนิงเซียง ไปเยอะขนาดนี้แล้ว ท่านว่าหม่อมฉันงามขึ้นไหมเพคะ"

"มู่หรงฉี" กำลังมองเธออย่างลึกซึ้ง "รอยยิ้มหยาดเยิ้ม ดวงตาสวยงาม ยิ้มทีโลกละลาย หากทุกคนก็จะยอมตกเป็นของเจ้า"

เหลิ่งชิงหลางยิ้มสดใส นางยืนขึ้นจากนั้นก็ยื่นมือไปหาเขา "ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมท่านถึงยังไม่เข้ามาอีกเพคะ"

"มู่หรงฉี" เดินเข้าไปหานางแต่โดยดี จากนั้นก็จับมือของนาง เมื่อได้คืบแล้วก็จะเอาศอก เค้าจับมือของนางแล้วก็โอบเอวของนางเอาไว้แล้วรั้งให้มาแนบชิดกับตัวของเขา

เหลิ่งชิงหลางยิ้มเขิน จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปมาราวกับงู "ต่อไปท่านจะดีกับข้าไหม"

เสียงของ "มู่หรงฉี" ทั้งมีเสน่ห์และลึกซึ้ง "แน่นอนอยู่แล้ว"

"ผู้หญิงคนอื่นห้าม..."

พูดยังไม่ทันจบ ปากของนางก็ถูกปิด จากนั้นก็ถูกอุ้มขึ้น

เหลิ่งชิงหลางราวกับก้อนน้ำแข็งในอ่าง น้ำแข็ง รู้สึกละลายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกเองก็อ่อนแรงไปหมด

มุ้งของเตียงปิดลง เสื้อผ้านั้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

ราวกับดอกไม้โปรยฝน ผึ้งพรือปีกบิน บรรยกาศรักฟุ้งกระจาย

เหลิ่งชิงหลางพิงอยู่ที่หัวเตียงยังอ่อนแรง เพื่อสร่างเมา ภาพลวงตาทั้งหมดก็หายไป

ฟางผินจือลองดูจุดสีแดงบนเตียงยังรู้สึกเสียใจ และรู้สึกกลัวเล็กน้อย

"เจ้าไม่เคยบอกข้ามาก่อน ว่าเจ้านั้นยังเป็นหญิงบริสุทธิ์"

เหลิ่งชิงหลางหายใจหอบเล็กน้อย "ทำไมเจ้ากลัวรึ"

"นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ หากท่านอ๋องรู้ เจ้ากับข้าจะต้องจบแน่"

"ข้าที่เป็นผู้หญิงยังไม่กังวลเลย เจ้าจะกลัวอะไร" เหลิ่งชิงหลางยิ้มเย้ย "เจ้าวางใจได้ ข้าก็คงจะไม่ให้เจ้ารับผิดชอบ ตำแหน่งพระชายาของพี่จวนท่านอ๋องนี้ถ้ายังสนใจอยู่"

"แต่ว่าในสักวันหนึ่ง ท่านอ๋องร่วมห้องกับเจ้า หากถูกรู้เข้า ก็คงจะ..."

เหลิ่งชิงหลางมองไปที่สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ที่ค่อยๆ เลือนหายไปจากเนินอก จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าอย่างพึงพอใจ แล้วก็ใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิง

"ได้ดีแล้วแล้วยังจะมาทำเป็นมีน้ำใจอีก"

ตอนนี้ฟางผินจือไม่คิดว่าตนเองนั้นได้ดี เขาใส่เสื้อผ้าด้วยมือที่สั่นเทา คิดแต่จะหนีไป "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบพระชายารองอยู่แล้ว เพียงแต่ข้านั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ ต่อไปผินจือจะไม่กล้าอีกแล้วขอรับ"

"หยุดนะ!" เหลิ่งชิงหลางค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง "ที่แท้ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ใส่เสื้อผ้าแล้วก็จะไม่รับผิดชอบ เริ่มแรกที่ข้าไม่ยอม เจ้านั้นหยอกล้อข้าอย่างไรลืมไปแล้วหรือ ตอนนี้ได้ลิ้มรสไปจนหมดสิ้น กลับมาโทษว่าข้านั้นงามเกินแล้วมายั่วยวนเจ้า ใช่หรือไม่"

ฟางผินจืองั้นคุกเข่าให้เหลิ่งชิงหลางทันที "พระชายารองได้โปรดให้อภัย หากผินจือรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ขอให้ข้าจะมีใจอาจหาญขนาดไหนก็คงจะไม่กล้าทำแบบนี้หรอกขอรับ ผินจือรู้ผิดแล้ว ขอพระชายารองโปรดให้อภัย"

เหลิ่งชิงหลางลุกขึ้นมาจากเตียง ทำสีหน้าอึมครึม "ดูท่าทางใจเสาะของเจ้าสิ ท่าทางห้าวหาญบนเตียงเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว ช่วยโอกาสตอนที่ข้าเมาแล้วจะไม่รับผิดชอบ ฝันไปเถอะ!"

ฟางผินจือนั้นตกใจกลัวจนเหงื่อไหลโชก รู้สึกว่าในห้องนี้ทั้งอึดอัดและร้อน แทบจะหายใจไม่ออก

ตนเองนั้นมักจะอยู่ในหมู่ผู้หญิง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะเอาตัวไปเกี่ยวข้องด้วย มักจะใช้รูปลักษณ์ภายนอกเป็นตัวกลางในการไปหลอกล่อให้หญิงคนรวยนั้นยอมเสียทรัพย์ให้ คิดไม่ถึงเลยว่าพอได้เหยื่อตัวใหญ่แล้วกลับเป็นเหยื่อที่กินคน

"ผินจือไม่กล้าขอรับ"

"แบบนี้สิถึงจะถูก" เหลิ่งชิงหลางยิ้มอย่างได้ใจ "ต่อไปพวกเราสองคนก็ถือว่าขึ้นเรือลำเดียวกันแล้ว คนหนึ่งรุ่งอีกคนก็โรจน์ คนหนึ่งร่วงคนอื่นก็ล่ม อย่าคิดแม้แต่จะตัดแยกความสัมพันธ์ ข้าจะไม่ชอบใจอย่างยิ่ง"

ฟางผินจือรู้สึกเสียใจอย่างมากแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้ง

"หากพระชายารองมีเรื่องอะไร ผินจือจะยอมทำให้ทุกอย่างแม้กระทั่งมอบชีวิตให้ก็ยอม"

เหลิ่งชิงหลางค่อยๆ เดินไปอยู่ต่อหน้าเขา จากนั้นก็โน้มตัว ยื่นมือไปจับคางของเขาขึ้น "เจ้าหนี้ช่างเข้าอกเข้าใจดีจริงๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามีเรื่องจะให้เจ้าไปทำ"

ฟางผินจือนั้นแทบจะพูดออกมาไม่เป็นประโยคแล้ว "ทำ ทำอะไรขอรับ"

"ช่วยข้าฆ่าคนหนึ่งคน"

ฟางผินจือ เงยหน้าขึ้นมาอย่างทันทีทันใด ด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว "ฆ่า ฆ่าคนหรือ..."

“ใช่ กำจัดเหลิ่งชิงฮวนซะ"

"นางเป็นถึงพระชายาเลยนะ!" ฟางผินจือร้องด้วยความตกใจ

"หากนางไม่ใช่พระชายา ข้าก็คงจะไม่เอาชีวิตของนางหรอก"

"ข้าไม่กล้า อีกอย่างข้าก็ไม่มีความสามารถนี้ด้วย"

"มันง่ายมาก ข้าจะเอาเบี้ยเงินให้เจ้า หาคนที่มีความสามารถและใจกล้าหาญเป็นคนลงมือ หากสำเร็จก็จะได้เบี้ยเงิน หากไม่สำเร็จ เขาก็ไม่รู้ฐานะของเจ้า"

ฟางผินจือนั้นรู้สึกหวาดระแวงอย่างมาก "จะต้องฆ่าทิ้งเท่านั้นหรือ"

"หากไม่ฆ่าเหลิ่งชิงฮวน ข้าก็ไม่มีวันจะได้หลุดพ้น! ต่อให้นางจะเหลือเพียงแค่ลมหายใจเดียว มันก็ไม่สาแก่ใจของข้า ตอนนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสม ฆ่านางแล้วใส่ร้ายให้กับองค์หญิงหรูอี้ พวกเราก็จะถอนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ที่จวนท่านอ๋องนี่ก็จะเป็นของข้าทั้งหมด ต่อไปเจ้าก็จะไม่ขาดความร่ำรวยและมั่งคั่ง"

ฟางผินจือนั้นรู้อยู่แก่ใจ เหลิ่งชิงหลางนั้น โหดเหี้ยมอำมหิต หากมีวันนั้นจริงๆ ตนเองจะรักษาชีวิตไว้ได้ไหมมันก็อีกเรื่อง แต่ตอนนี้จุดอ่อนของข้านั้นอยู่ในกำมือของเหลิ่งชิงหลาง ต่อให้หนีไปสุดขอบฟ้า ยังไงก็หนีการจับตัวของมู่หรงฉีไม่ได้

เขาแทบจะจัดการกับของที่เขานั้นใช้สร้างปัญหา

เขากัดฟันแน่น จากนั้นก็ พยักหน้าอย่างหมดหนทาง "ได้!"

เหลิ่งชิงหลาง ถึงได้ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพึงพอใจ ขอแค่ฆ่าเหลิ่งชิงฮวนได้ เรื่องที่สำนักแม่ชีหนานชานก็จะไม่มีวันถูกเปิดเผย ตนเองก็จะเป็นความทรงจำในใจของมู่หรงฉีตลอดไป

ไม่เช่นนั้น หากเรื่องถูกเปิดโปง ตนเองก็จะหมดสิ้นทุกอย่าง มันคุ้มที่จะทำให้นางนั้นตัดสินใจแบบนี้

"อีกสองวันก็จะเป็นวันสารทจีน เหลิ่งชิงฮวนจะต้องไปที่ภูเขาสามเนินเพื่อไหว้แม่ของนาง ส่วนมู่หรงฉีก็จะไปที่สุสานวีรบุรุษผู้เสียสละแล้วจุดธูปให้กับทหารที่เสียชีวิตไป เวลานั้นก็จะเป็นเวลาที่เหมาะเจาะที่สุด”

เพราะมู่หรงฉีบาดเจ็บ จึงได้อยู่พี่ตำหนักฉาวเทียนอย่างมีเหตุผล

สำหรับการอ้อนของเขาเหลิ่งชิงฮวนนั้นอดทนมากที่สุดแล้ว และพฤติกรรมที่เขาชอบช่วยโอกาสนางก็ไม่ได้ว่าอะไร

มู่หรงฉีรู้สึกว่า การป่วยนี้ดีจริงๆ เหมือนกับตอนเด็ก พอตนเองไม่สบาย สนมฮุ่ย ก็จะดีกับตัวเองอย่างอ่อนโยน ไม่เหมือนกับท่าทางแข็งกร้าวเหมือนที่ผ่านมา พูดอันไหนอันนั้น

ตอนนี้ตนเองนอนอยู่บนเตียง ชิงฮวนไม่ให้ผู้หญิงมาดูแลเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ทำเองหมด นางจะป้อนตนเองกินข้าว เช็ดหน้าให้ตน จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตนเอง หลังจากฉีดยาเสร็จแล้วก็จะนวดบริเวณสะโพกให้ด้วย

พระเจ้า ครั้งก่อนที่นางตรวจร่างกายให้ตน ตัวเองก็ไปแอบจูบนาง แล้วนางก็ ไม่ได้โวยวายอะไร เพียงแต่หน้าแดงเพราะเขินอาย แล้วก็บอกให้ตนเองนั้นนิ่งๆ บอกว่าหัวใจเต้นเร็วเกินทำให้ส่งผลกระทบต่อการตรวจร่างกาย

พอมาคิดๆ ดู ครั้งก่อนที่จูบนาง ตนเองนั้นก็ได้รับการตอบรับที่แสนเจ็บปวด

มู่หรงฉีนั้นเก่งเรื่องได้คืบจะเอาศอก อีกทั้งยังควบคุมความต้องการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้แต่การร่วมเตียงนอนในตอนกลางคืน มือของเขาก็เริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง เรากับเด็กที่อยากได้อะไรบางอย่าง อ้อมอกงั้นมีลูกอมแสนหวาน อดไม่ได้ก็จะลิ้มลอง จากนั้นก็ค่อยค่อยปิดตาลงอย่างพึงพอใจ แล้วก็จินตนาการขึ้นมา

เมื่อความหวานในปากนั้นลดลงไป ก็จะมาลิ้มรสอีกครั้งอย่างระมัดระวัง เป็นการหลอกล่อที่อดใจไม่ไหว

วันไหนเขาถึงจะได้ลิ้มรสอย่างแท้จริงกันนะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา