ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 200

“ใครเป็นคนส่งมา”

“เป็นเด็กขอทานอายุหกเจ็ดขวบ สอบถามอย่างละเอียดแล้ว เขาไม่รู้อะไรเลย บอกแค่ว่าคนที่เอาจดหมายให้เขาเป็นชายรูปร่างสูงผอม เห็นโฉมหน้าไม่ชัด”

“กระดาษจดหมายกับหมึกที่ใช้ล่ะ”

“ตรวจสอบแล้วเช่นกัน เป็นเพียงกระดาษธรรมดา มีขายตามร้านพู่กันกับหมึกเกือบทุกร้านบนเมืองหลวง”

จิตใจของมู่หรงฉีหดหู่ลงอย่างช่วยไม่ได้

“อย่างน้อย ตอนนี้พวกเราก็รู้ว่าชิงฮวนปลอดภัยดี” พอเหลิ่งชิงเฮ่อเห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าของมู่หรงฉี จึงอดสงสารไม่ได้ “อ๋องหวังดูแลตัวเองด้วยเถิด ชิงฮวนเฉลียวฉลาดปานนั้น ต้องไม่เป็นไรแน่”

มู่หรงฉีกำจดหมายแน่น นิ้วมือสั่นเทาเล็กน้อยจากการอดทน

จู่ๆ เขาก็ทำสายตามั่นคง และยื่นจดหมายไปทางเหลิ่งชิงเฮ่อซึ่งอยู่ด้านหน้า “พี่ใหญ่ ท่านดูลายมือนี่สิ อาจมีบางอย่างผิดปกติ” เหลิ่งชิงเฮ่อเอาตัวอักษรสองสามตัวนั้นมาดูหลายต่อหลายครั้งอย่างสงสัย “ตัวอักษรเขียนอย่างปกติมาก แสดงว่าไม่ใช่คนที่จับพู่กันบ่อยนัก หากพูดถึงรายละเอียดปลีกย่อย ตัวอักษรสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือพละกำลังล้วนแตกต่างกับตัวอักษรสองสามตัวด้านหน้าอย่างสิ้นเชิง”

มู่หรงฉีผงกหัวอย่างฮึกเหิม “ถูกต้อง คำว่าจ้าวตัวนี้ เขียนสวยกว่าสองสามคำด้านหน้าอย่างชัดเจน!”

“แต่นี่เป็นศิลปะทางด้านการเขียนที่เกิดจากคนคนหนึ่งอย่างชัดเจน” เหลิ่งชิงเฮ่อกล่าวด้วยความมุ่งมั่น แววตาก็เป็นประกายทันที “ข้าเข้าใจความหมายของท่านอ๋องแล้ว ท่านจะบอกว่า เขาต้องขีดเขียนเป็นประจำ ดังนั้นตอนเขียนอักษรตัวนี้จึงค่อนข้างคล่องแคล่ว และเขียนสวยกว่าอักษรตัวอื่น!”

“จ้าว เป็นไปได้มากว่าเขาจะแซ่จ้าว แถมเขายังเขียนเป็นประจำด้วย อีกอย่างคำว่าชีที่อยู่ด้านหน้า เขียนได้มาตรฐานมาก ไม่หวัดเหมือนกับตัวอักษรสองสามตัวตรงด้านหลัง “

“ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ในเมืองหลวงมีคนแซ่จ้าวอยู่มากมาย หรือว่าจะตรวจสอบทีละคน เช่นนั้นจะไม่เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรหรือ”

“ไม่จำเป็น” มู่หรงฉีหรี่ดวงตาหงส์ และพูดทีละคำอย่างช้าๆ “ถึงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้จับพู่กัน แต่จำเป็นต้องเขียนชื่อตนเองและตัวเลขบ่อยๆ จะเป็นใครกันเล่า”

“เจ้าของร้าน! หรือไม่ก็นักบัญชี!”

“ถูกต้อง” มู่หรงฉีพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “คนคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก ไม่มีทางจับชิงฮวนและเดินไปทั่วอย่างโจ่งแจ้งหรอก ต้องมีรถม้ามารับ แล้วซ่อนตัวอย่างแน่นอน พวกเราไปตรวจสอบร้านค้าที่เจ้าของร้านแซ่จ้าวกันก่อนเถอะ ทำการเทียบลายมือ ดูซิว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรไหม!”

พอทั้งสองคนปรึกษากันเสร็จ จึงรีบปฏิบัติการทันที

เสิ่นหลินเฟิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองหลวง ด้วยความช่วยเหลือของเขา จึงกักตัวเจ้าของร้านขายข้าวแห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบลายมือที่น่าจะเป็นของเจ้าของร้านกับใบเสร็จ จึงมั่นใจว่าเป็นศิลปะการเขียนของชายคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หลายคนมีความหวังขึ้นมา จึงรีบพาคนไปสืบค้น แต่พอมาถึงร้านขายข้าวกลับพบว่าเจ้าของร้านหนีไปแล้ว ด้านล่างโรงเก็บของร้านขายข้าว มีทางลับตรงสู่ใต้ดิน ห้องลับงดงามมาก เทียนสีแดงลุกโชน ภายในมุ้งสีแดงแสนตระการตา มีจดหมายที่หมึกยังไม่แห้งถูกประทับด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวซึ่งงดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำอยู่ตรงด้านบนว่า

เชิญชมเทียนภายในหอห้อง

ทหารที่ทำการค้นหากวาดตามองเพียงแวบเดียว ก็เบนสายตาไปทางอื่นอย่างหวาดกลัว และไม่กล้ามองอีก

มู่หรงฉีกำหมัดแน่น “เขาเพิ่งหนีไป ไปตามหาเขาซะ! ค้นหาทั้งสี่ประตูเมืองว่ามีรถน่าสงสัยเข้าออกหรือไปทางนั้นหรือไม่”

พวกทหารรู้สึกเหมือนได้รับนิรโทษกรรม พวกเขาก้มหน้าและเผ่นออกไป

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดของโฉวซือเส่าไม่ยากเลย สมุนไพรที่เหลิ่งชิงฮวนแจกแจงก็เป็นเพียงการอำพราง เพราะไม่อยากให้เขาสงสัยแหวนนาโนของตนเองเท่านั้น

แต่ทว่า โฉวซือเส่ากลับระวังตัวมาก ก่อนทำการผ่าตัด เขาพาเหลิ่งชิงฮวนไปเปลี่ยนที่ซ่อนตัวอีกครั้ง

ถึงอย่างไร บนร่างกายของเขาก็มีบาดแผล ผู้เฒ่าหลู่ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว มันยากที่จะรับประกันว่าช่วงผ่าตัดจะไม่มารบกวนอีก หากโดนเขาฉวยโอกาสข่มขู่จากตอนลำบาก อาจจะเกิดความยุ่งยาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา