ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 206

มู่หรงฉีกอดรัดเอวเธอแน่นขึ้นราวกับจะฝังเข้ามาในร่าง ราวกับต้องการซึมซับความรู้สึกปลอบโยนอย่างบ้าคลั่ง

แขนของเหลิ่งชิงฮวนเองก็รัดแน่นขึ้น ทั้งร่างของเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา อยู่บนร่างเขาราวกับปลาเกยตื้นพยายามอ้าปากเพื่อกอบโกยอากาศ แต่ก็ยังคงรู้สึกหายใจไม่ออก ในหัวก็ขาวโพลน

จนกระทั่งปลาทั้งสองหายใจไม่ออก จึงได้ยอมปล่อยอีกฝ่ายไป

ในห้องใต้ดินที่เงียบสงัด หัวใจเต้นรัวเหมือนกลอง เสียงหอบหายใจหนัก ดวงตาของเหลิ่งชิงฮวนพร่ามัว ใบหน้าแดงราวกับแสงอาทิตย์อัสดงที่ทำให้ผู้คนมึนเมา

“มู่หรงฉี ท่านตกหลุมรักหม่อมฉันแล้วใช่ไหมเพคะ”

แขนของมู่หรงฉีรัดแน่นกว่าเดิม มือหนาประคองศีรษะของเธอและจ้องมอง “เหลิ่งชิงฮวน เจ้ารู้จักผิดชอบชั่วดีหรือไม่? หากข้าไม่รักเจ้า แล้วทำไมหาต้องสรรหาข้ออ้างมากมายเพื่อให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า? ทำไมทุกครั้งข้าต้องคอยจัดการเจ้า? ทำไมข้าถึงยอมรับว่าเจ้าคือสตรีของข้า?”

“เจ้าเคยพูดว่าวันหน้าหากมีคนบอกรักเจ้า นั่นแสดงว่าเขายอมรับเด็กในท้องเจ้า ข้ายอมรับแล้ว ข้าจะให้ใต้หล้ารับรู้ว่าเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของมู่หรงฉี แล้วเจ้ายังจะมาแกล้งทำต่อหน้าข้าอีกหรือ? เจ้าโง่หรือ?”

“หากข้าไม่ชอบเจ้า ข้าจะเอาแต่หาเรื่องเจ้าไปทำไม? บุรุษผู้นี้คือใคร มีความสัมพันธ์กับข้าหรือไม่ ข้าต้องสู้กับเขาหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปากที่บวมนิดหน่อย “แค่คำพูดจะไปเชื่อถือได้อย่างไร? จะอยู่ได้นานหรือเพคะ?”

มู่หรงฉีมองเธอ ดวงใจไหววูบ ก่อนจะก้มลงไปจูบเธออีกครั้ง

เพดานหินบนศีรษะถูกเปิดออก รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดยื่นหน้าเข้ามาเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เป็นอะไรไหมขอรับ”

“ปัง”

เพดานหินกลับไปปิดสนิทเหมือนเดิม

รอจนเหลิ่งชิงฮวนปิดหน้าปิดหน้าขึ้นมาได้ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ส่งยิ้มให้เธออย่างล้อเลียน

มู่หรงฉีส่งฝีเท้าออกไป “รายงานสถานการณ์!”

แม้บนเสื้อผ้าของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะมีรอยเท้าวงใหญ่แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดความอารมณ์ดีของเขา

“ทูลท่านอ๋อง จับเป็นโจรได้ทั้งหมดยี่สิบคน สอบปากคำแล้วพบว่าพวกมันทั้งหมดเป็นหัวขโมยจากหอซ่อนดาบที่เราตามล่าเมื่อนานมาแล้ว แต่หัวหน้าของพวกมันหนีไปได้หลังจากได้ยินข่าว ส่วนพวกที่ไม่เป็นโล้เป็นพายพวกนี้ก็สอบสวนไม่ได้ความมากนัก”

“อีกทั้งทางออกสองทางและทางลับล้วนมุ่งตรงไปยังภูเขาด้านหลัง เมื่อไล่ตามพวกมันออกไป คนเหล่านั้นก็หนีไปอย่างไร้ร่องรอย จะต้องมีใครสักคนมารับพวกมันแน่ๆ ขอรับ”

มู่หรงฉีรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขารีบร้อนมาช่วยเหลิ่งชิงฮวนจึงไม่ได้เตรียมการอย่างรอบคอบ เขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนี้จึงไม่แปลกใจที่พวกโจรจะหนีไปได้

ส่วนเรื่องเบาะแส เขาเชื่อว่าเหลิ่งชิงฮวนจะรู้เรื่องมากกว่านี้

จึงได้แต่โบกมือยอมแพ้

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดค่อยๆ ยกของล้ำค่าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “แต่ว่า กระหม่อมได้ของล้ำค่าอย่างอื่นมาแทน”

เหลิ่งชิงฮวนเข้าไปมองใกล้ๆ มันไม่ใช่อะไร แต่เป็นระเบิดฟ้าคำรณที่เธอโยนออกไปช่วงวิกฤต

มู่หรงฉีเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจยื่นมือไปหยิบขึ้นมา “นี่คือระเบิดฟ้าคำรณที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บครั้งก่อนหรือ?”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหันกลับนำมันไปซ่อนไว้ “นี่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ท่านอ๋องได้แค่ดูเท่านั้นห้ามครอบครองนะขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเบาๆ “ของพรรคนี้มีอะไรให้เสียดายถึงได้ทะนุถนอมเช่นนี้”

“สตรีอย่างท่านไม่เข้าใจหรอกขอรับ” รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “ของพรรคนี้อานุภาพร้ายแรง ครั้งหน้าหากเจอศัตรูแค่โยนมันเข้าไปอีกฝ่ายจะไม่ยอมแพ้หรือ? กระหม่อมจับตาดูหอซ่อนดาบไว้แล้ว จะต้องปราบเขาให้ได้ แล้วกระหม่อมจะถามเขาว่าเจ้าสิ่งนี้มันสร้างขึ้นมาได้อย่างไร?”

เหลิ่งชิงฮวนอยากจะพูดว่าของสิ่งนี้ทำยากงั้นหรือ? แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

ถ้าวันหนึ่งมีการใช้วัตถุระเบิดในการทำสงครามอย่างแพร่หลายก็คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมนุษย์ มันจะยิ่งทวีสงคราม การฆ่าฟัน การปล้นสะดม และนั่นคือหายนะ

ดังนั้นเธอจึงปิดปากไม่พูดอะไรเพียงแค่เอ่ยเตือน “สิ่งนี้อันตรายมาก อย่าได้ลองเชียว”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดค่อยๆ เก็บมันใส่เข้าไปในกระเป๋าอย่างเบามือราวกับไข่ไก่

พวกเขาเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับชัยชนะ ระหว่างทางก็เข้าไปตรวจสอบคลังสมบัติของโฉวซือเส่า เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้เกรงใจ เจ้าคนผู้นี้เกือบทำให้เธอตาย ความสูญเสียทางจิตใจเช่นนี้ต้องหาอะไรมาปลอบใจ

เมื่อกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยมู่หรงฉีได้ส่งคนไปที่จวนมหาเสนาบดี เสิ่นหลินเฟิงเองก็ส่งจดหมายมา พวกเขาได้ยินข่าวและรออยู่ที่หน้าประตูจวน เมื่อเห็นเธอก็เข้ามาต้อนรับราวกับดารา

เหล่าคนรับใช้ที่อยู่ท่ามกลางความกดดันมาหลายวันต่างมีความสุข ยกน้ำชาขึ้นมาพร้อมกับจัดเตรียมของว่างอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งชิงหลางที่ได้ยินข่าวก็รู้สึกตกใจ

เพราะกลัวว่าจะเปิดเผยอะไรออกไปจึงไม่ออกไปไหนหลายวัน นางไม่รู้เรื่องราวโดยละเอียดแต่รู้คร่าวๆ จากปากคนอื่น

นางคิดว่าเหลิ่งชิงฮวนหายตัวไป แม้จะไม่ตายแต่ก็คงกลับมาไม่ได้

แต่ใครจะคิดว่านางกลับมาอย่างปลอดภัย ทั้งยังได้เงินทองกลับมาอีกด้วย! เงินทองของล้ำค่าที่นำกลับมาเต็มห้ากล่อง ทั้งยังช่วงท่านอ๋องกวาดล้างพวกโจรที่ทำร้ายรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดครั้งก่อน

ทำไมนางถึงได้โชคดีเช่นนี้!

ความหึงหวงที่ถาโถมเข้ามาทำให้นางเกือบจะเป็นบ้า แต่นางก็ไม่กล้าแสดงออกแม้แต่น้อยซ้ำยังต้องแสร้งทำเป็นมีความสุขและวิ่งไปหาเหลิ่งชิงฮวนเพื่อถามไถ่

มีการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับที่จวน เพราะว่าตามหาเหลิ่งชิงฮวนมาหลายวันทำให้มู่หรงฉีไม่ได้พักผ่อน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็รู้สึกถึงพลังงานที่เต็มเปี่ยว ใบหน้าของเขาเป็นสีแดง ในมือถือจอกสุรา ดื่มอย่างมีความสุขเสิ่นหลินเฟิงและเหลิ่งชิงเฮ่อ

การปรากฏตัวของเหลิ่งชิงหลางทำให้ทุกคนต่างหยุดชะงักหันมามองนางจนบรรยากาศกระอักกระอ่วน

นางพยายามระบายยิ้ม “ได้ยินว่าท่านพี่กลับมาแล้ว หม่อมฉันจึงมาดูเพคะ”

ทุกคนนั่งโดยไม่ขยับ เป็นฉีจิ่งอวิ๋นที่ลุกขึ้นและกล่าวทักทาย “ไม่มีอะไรอันตราย ขอให้มีมงคล พระชายารองเองก็มานั่งดื่มสุราระงับความตกใจด้วยกันไหม”

เหลิ่งชิงหลางไม่อยากอีกทั้งยังไม่กล้าพูดอะไรมากมาย จึงยกยิ้มอย่างเขินอาย “เห็นท่านพี่ปลอดภัยก็ดีแล้วเพคะ เชิญพวกท่านดื่มกันเถอะ หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว”

อันที่จริงไม่ใช่แค่นางเท่านั้น ทุกคนในงานเลี้ยงก็รู้สึกกระอักกระอ่วน หลังจากที่นางจากไปพวกเขาก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง

แววตาของเสิ่นหลินเฟิงเป็นประกาย “ดูเหมือนคนที่รู้ว่าองค์หญิงหรูอี้กับพี่สะใภ้มีเรื่องบาดหมางกันนั้นมีไม่มาก”

มู่หรงฉีเข้าใจทันที “ข้าเคยสงสัยแต่ว่านางไม่เคยออกไปไหน ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องกับชิงฮวนนางก็อยู่แต่ในวัง คงไม่น่าจะรู้จักพวกมือสังหารหรอกใช่หรือไม่?”

คำพูดนี้เป็นการขอความเห็นจากเหลิ่งชิงเฮ่อ

เหลิ่งชิงเฮ่อพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “จินซื่อสั่งสอนเหลิ่งชิงหลางอย่างเข้มงวดจึงติดต่อกับบุรุษภายนอกน้อยมาก นับประสาอะไรกับพวกเหลวไหลในยุทธภพ ข้าเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ต้องถูกคนผู้นั้นกำกับเพื่อตอบแทนบุญคุณ ให้น้องเล็กรู้สึกซาบซึ้งใจ”

“ใช่” ฉีจิ่งอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย “โจรนั่นดูเหมือนบุรุษในร่างสตรี มันแสร้งทำตัวเป็นสตรีได้อย่างแนบเนียน สตรีในวังคนนั้นก็คงจะเป็นมันที่แต่งหญิง”

เสิ่นหลินเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย “แต่ในเมื่อเขาเป็นสมาชิกของหอซ่อนดาบแล้วทำไมถึงต้องใช้เงินจ้างฆ่าคนด้วยล่ะ”

“แน่นอนว่าต้องเพื่อใส่ร้ายองค์หญิงหรูอี้” ฉีจิ่งอวิ๋นเอ่ยอย่างมั่นใจ

“มีแรงจูงใจสองอย่างในการลงมือกับพี่สะใภ้ หนึ่งคือความเกลียดชังส่วนตัว สองคือพี่สะใภ้เข้าไปขวางทางคนอื่น คนผู้นั้นวางแผนจัดฉากยิ่งใหญ่เช่นนี้สาเหตุนี้ก็คงไม่เกินจริง หากคนที่อยู่เบื้องหลังยังไม่ถูกจัดการ พี่สะใภ้ก็ยังไม่อาจคลายความกังวลใจได้”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า แม้ว่าจะเกลียดชังโฉวซือเส่าเล็กน้อย แต่เขาเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา เรื่องนี้ดูเหมือนไม่ใช่ฝีมือของเขา

เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่คิดจะฆ่าเธอ

เหลิ่งชิงหลางน่าสงสัยที่สุด แต่แผนการนี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้และไม่มีใครหาหลักฐานพบ แต่เธอจะไม่ปล่อยไว้แน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา