ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 208

อาบน้ำแล้วพักผ่อน

แม้ว่าเป็ดต้มสุกจะบินหนีไปเมื่อมาถึงปากแล้ว มู่หรงฉีก็ไม่พอใจ แต่การได้สูดกลิ่นอันหอมหวานในอ้อมแขนเขานั้นแทบจะไม่สามารถสนองความต้องการของเขาได้เลย อีกอย่างเขาก็หมดแรงแล้ว

อดไม่ได้ที่จะถูกคำพูดอ่อนโยนของเหลิ่งชิงฮวนเกลี้ยกล่อมให้หลับไป

เขาคิดว่าสตรีในอ้อมแขนนั้นถูกประเคนมาให้ถึงที่แล้วดังนั้นจึงสามารถลุกขึ้นมากินกลางดึกได้หลังจากที่นอนหลับมาทั้งคืนแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากหลับใหลไปพอตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว

มู่หรงฉียายามปิดข่าวการหายตัวไปของเหลิ่งชิงฮวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงขั้นค้นหาทุกที่ล้วนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับพวกโจร แต่ใครเล่าจะรู้ ข่าวนั้นถูกแพร่กระจายออกไปจนเกิดความโกลาหลขึ้นในเมืองหลวง

การถูกโตจับตัวไปสองสามวันนั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับสตรี บนโลกนี้มีคนจำนวนมากที่ชอบคิดเพ้อฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องสกปรก

ข่าวลือที่ไร้ที่มาที่ไปกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วไปทั่วท้องถนนและตรอกซอย

นี่เป็นการทำลายชื่อเสียงของเหลิ่งชิงฮวนอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อตื่นขึ้นมาข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่ว

อันดับแรก พี่สะใภ้หลายคนมาที่จวนท่านอ๋องเพื่อปลอบใจ แต่ในความเป็นจริงพวกนางก็แค่อยากรู้อยากเห็นและเอาไปซุบซิบกัน

เหลิ่งชิงฮวนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบุคคลที่ลอบสังหารเธอ

ตามที่เสิ่นหลินเฟิงพูด เธอมีศัตรูคู่แค้นคือเหลิ่งชิงหลาง ส่วนจิ่นอวี๋และหรูอี้นั้นเพียงแค่มีเรื่องบาดหมางกัน แต่พวกนางก็ล้วนอยู่แต่ในวังหรือไม่ก็ห้องส่วนตัวจะไปรู้จักสามลัทธิเก้ากระแสได้อย่างไร?

นอกจากนี้อาจเป็นเพราะเด็กในท้องของเธอไปขัดตาใครเข้า

เธอเบือนสายตาไปมองเหล่าพี่สะใภ้ ระหว่างที่พวกนางกำลังหน้าซื่อใจคดก็ทิ้งความสงสัยไว้

พระชายาเหล่านี้บ้างก็สงบเสงี่ยมสง่างาม บ้างก็ละเอียดอ่อนไร้เดียงสา พูดจาสุภาพอย่างไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย

มีเพียงพระราชารุ่ยคนเดียวที่พูดจาห้วนๆ และดูถูกเหลิ่งชิงฮวนด้วยคำพูดด้วยการกระทำและคำพูดที่เต็มไปด้วยความเสียดสี

ภูมิหลังของพระชายารุ่ยนั้นไม่สูงนัก ปู่ของนางเป็นอาจารย์ใหญ่ และบิดาของนางยังได้ทำงานในเรือนฮั่นหลิน เหลิ่งชิงฮวนไม่เข้าใจว่านางไปเอาความรู้สึกเหนือกว่าตนมาจากที่ไหน

คงเพราะในท้องของเธอมีสายเลือดของราชวงศ์อยู่?

ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าท้องของเธอกลมโตแบบนี้จะต้องอุ้มท้ององค์ชายแน่ๆ เมื่อคลอดออกมาก็จะกลายเป็นพระนัดดาองค์โตแห่งฉางอัน

เหลิ่งชิงฮวนเข้าใจเหตุผลเพียงข้อเดียวนั่นคือหมาที่กัดคนเป็นจะไม่เห่า หากคนผู้นั้นต้องการกำจัดเธอก็คงจะมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ ไม่ใช่เขม่นเธอต่อหน้าแบบนี้

เมื่อเผชิญหน้ากับการหยั่งเชิงของเหล่าพระชายา เหลิ่งชิงฮวนก็ให้คำอธิบายเพียงอย่างเดียว รักษาโรคช่วยชีวิต

ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังยิ่งน่ารังเกียจขึ้นเรื่อยๆ จนลามไปถึงเด็กในครรภ์ของเธอ โดยกล่าวว่าตอนที่เธออยู่ในวังก็ได้ตั้งท้องและสวมเขาให้ท่านอ๋องฉี

แม้ว่ามู่หรงฉีจะมีความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถปิดปากผู้คนได้

เสนาบดีเหลิ่งที่เดิมทีร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อได้ยินเข้าก็โมโหจนล้มป่วย จึงขอลาป่วยไม่ออกไปว่าราชการเพราะไม่อยากได้ยินเสียงคนติฉินนินทา

หลังจากเหลิ่งชิงฮวนรู้เข้าก็มาดูแลที่จวนมหาเสนาบดีไม่กลับจวนท่านอ๋องอยู่สองสามวัน

ยิ่งกว่านั้นข่าวลือก็แพร่เข้าไปในวัง ไทเฮาและพระสนมฮุ่ยเฟยส่งคนไปเรียกมู่หรงฉีมาเข้าเฝ้า ไม่รู้ว่าพูดอะไรแต่หลังจากที่มู่หรงฉีกลับมาก็ไม่พูดไม่จา ซ้ำยังดูโมโหเล็กน้อย เมื่อเหลิ่งชิงฮวนถามเขาก็บอกเพียงแค่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวลมากเกินไป

แม้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะไม่ได้สนใจในชื่อเสียง แต่ก็ยังอดเก็บไปคิดและรู้สึกหงุดหงิดกับสายตาของผู้คนที่มองมาไม่ได้

เธอรู้ว่าหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมจนทุกคนรู้เรื่อง ราชวงศ์ก็คงจะไม่เหลือที่ให้พระชายาที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนเป็นแน่ เพื่อปกป้องหน้าตาของราชวงศ์ แม้ว่าเธอจะไม่ได้จัดการกับตัวเอง แต่เมื่อเด็กคลอดออกในอนาคต เธอจะไม่เก็บเขาไว้ข้างกายเพื่อเลี้ยงดูแน่นอน

มู่หรงฉีเองก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจว่าดาบสังหารที่ไร้รูปร่างของผู้คนนั้นคมเพียงใด เขาต้องการปกป้องเหลิ่งชิงฮวน ไม่อยากให้นางต้องเจ็บปวด แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

การต่อต้านมีแต่จะทำให้ข่าวลือรุนแรงขึ้น

พริบตาเดียวเรื่องก็ถึงวันแต่งงานของหรูอี้ เหลิ่งชิงฮวนในฐานะพี่สะใภ้ก็ต้องเป็นคนส่งนาง

ตามกฎของราชวงศ์ฉางอัน ในวันที่องค์หญิงแต่งออกเรือนจะไม่มีการจัดงานเลี้ยงในพระราชวัง แต่เมื่อถึงฤกษ์มงคลองค์หญิงจะอำลาฮ่องเต้และฮองเฮา ก่อนจะออกจากวังไปอยู่ที่จวนของราชบุตรเขย

องค์ชาย พระชายา และนางสนมต่างมาพร้อมกันเพื่อส่งนางออกเรือน

ในสวนดอกไม้ขององค์หญิง ตระกูลราชบุตรเขยจะต้องจัดงานเลี้ยงเพื่อรับรององค์ชายและสนมที่มาส่งออกเรือน หลังจากองค์หญิงและราชบุตรเขยเข้าพิธีแล้วก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนอยู่ท่ามกลางกระแสลมปาก เธอไม่ต้องการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน แต่ถ้าเธอไม่ไปก็จะถือเป็นการไม่มีมารยาท แค่คิดก็ขนหัวลุก

เหลิ่งชิงฮวนและเหลิ่งชิงหลางถูกเรียกตัวเข้าไปในวังตั้งแต่เช้าตรู่

เป็นดังคาด ทุกคนต่างพากันมองและซุบซิบนินทา คราวก่อนมาอย่างสง่างามแต่คราวนี้กลับมาอย่างอับอาย

เหลิ่งชิงหลางกลัวว่ามู่หรงฉีจะสงสัยนางอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงระมัดระวังการกระทำของตนและไม่กล้าที่จะเย้ยหยันเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนเพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และมองไปที่องค์หญิงหรูอี้ นางสวมชุดชุดมงคลล้ำค่า แต่ใบหน้าและดวงตาของนางกลับบวมแดงราวกับว่าเพิ่งจะร้องไห้

อาจเป็นเพราะอาลัยอาวรณ์ชีวิตในวังและไม่เต็มใจที่จะจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ของนาง?

ผู้คนรายล้อมหรูอี้พลางเอ่ยคำอวยพร แต่นางกลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา น้ำตาของนางไหลตลอดเวลา เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนนางก็ตวัดสายตามองด้วยความเกลียดชัง

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไร้คำอธิบาย ไม่รู้ว่าเธอไปยั่วโมโหอะไรนางเข้า เห็นได้ชัดว่านางพยายามจะทำร้ายคนอื่น หรือว่าคิดจะแสร้งทำตัวเป็นเหยื่อที่ดิ้นรน?

ลี่ว์อู๋พยายามดิ้นรนเพื่อเบียดฝูงชนเข้ามา เอวของนางหนายิ่งกว่าสตรีที่ตั้งครรภ์เสียอีก

ลี่ว์อู๋ลากนางไปด้านข้างเพื่อหาที่นั่งและหยิบเมล็ดเกาลัดออกมาจากอก “กินไหม หวานนะ”

เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่เกรงใจ “หรูอี้เป็นอะไรหรือ?”

ลี่ว์อู๋ยืดคอของนางมองไปที่หรูอี้ จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เหลิ่งชิงฮวนและลดเสียงของนาง “เมื่อคืนตอนที่เสด็จพ่อกับพระสนมคุยกัน หม่อมฉันแอบฟัง ดูเหมือนว่าหรูอี้จะรู้สึกเสียใจและไม่อยากแต่งงานแล้ว”

“หา? ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่องค์หญิงเลย แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็คงจะไม่เห็นด้วย ทำไมจู่ๆ นางถึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมาล่ะ”

ลี่ว์อู๋ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ฮองเฮาองค์ก่อนส่งสตรีในวังไปทดลองอยู่ก่อนแต่งที่จวนราชบุตรเขย”

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ เธอเคยได้ยินเรื่องอยู่ก่อนแต่งมาก่อนว่าฮ่องเต้จะส่งสตรีในราชสำนักที่ทั้งสวยและฉลาดเข้าไปในจวนของราชบุตรเขยก่อนจะถึงวันงานแต่ง เพื่อตรวจดูว่าราชบุตรเขยมีโรคอะไรแอบแฝงและผ่านการทดสอบหรือไม่ หลังจากแต่งงานแล้วสตรีในวังก็จะอยู่ข้างกายองค์หญิงในฐานะสาวรับใช้หรือสาวใช้ข้างห้อง

จู่ๆ เธอก็นึกได้ว่าเซวียอี๋เหนียงเคยกล่าวไว้ว่าคุณชายจินซานดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง “อย่าบอกนะว่าราชบุตรเขยไร้น้ำยา?”

ลี่ว์อู๋ส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่รู้หรอกเพคะ แต่สตรีนางนั้นกลับวังมาตั้งนานแล้ว หลังจากที่รายงานเรื่องให้ฮองเฮาทราบหรูอี้ก็บอกว่าจะไม่แต่งแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา