ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 213

เหลิ่งชิงฮวนเดินออกจากเรือนหลังไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง มู่หรงฉีและคนอื่นๆยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เรือนด้านหลัง ยังคงกินเหล้ากันอยู่

เหลิ่งชิงฮวนสั่งให้คนไปแจ้งให้เขาทราบ จากนั้นก็พาเหลิ่งชิงเหยาขึ้นรถม้า ไปส่งนางกลับจวนมหาเสนาบดีก่อน

เหลิ่งชิงเหยามองสีหน้านางอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมาสักคำ

ในที่สุดก็มาถึงจวนมหาเสนาบดี เซวียอี๋เหนียงเข้ามาต้อนรับทันทีที่เมื่อรู้ว่ามาถึง ทำการคารวะเพื่อทักทายเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนมีสีหน้าอึมครึม และเดินตรงไปยังห้องโถงด้านหน้า

เซวียอี๋เหนียงเห็นสีหน้าของนางดูผิดปกติ เกิดความสงสัยเล็กน้อย จึงชำเลืองมองเหลิ่งชิงเหยา พบว่าเปลือกตาของเหลิ่งชิงเหยาบวมไปหมด น่าจะเพิ่งร้องไห้มา ส่วนที่คอก็มีรอยขีดข่วนที่สะดุดตา

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ใครรังแกเจ้าหรือ?” นางถามเหลิ่งชิงเหยาอย่างปวดใจ “ใครกันที่กล้าทำแบบนี้ ไม่เห็นจวนมหาเสนาบดีของพวกเราอยู่ในสายตา กล้าทำได้ถึงเพียงนี้!”

เหลิ่งชิงเหยาเหลือบมองแผ่นหลังของเหลิ่งชิงฮวน ไม่ได้ส่งเสียงอะไรใดๆ ทำเพียงส่ายหน้า

จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าไปยั่วยุเหลิ่งชิงฮวนผู้สูงส่งเข้าหรอกนะ? จิตใจของเซวียอี๋เหนียงเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย จึงรีบเดินตามเหลิ่งชิงฮวนไป

“ท่านพ่อเล่า?” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยถาม

“ท่านกลับมาสักพักแล้ว ดื่มเหล้าสองสามจอกก็กลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว หากมีเรื่องสำคัญเร่งด่วน ข้าจะสั่งให้คนไปตามท่านมาให้” เซวียอี๋เหนียงลองเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองกำลังจะแต่งงานออกไปเองแล้ว นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่?”

เซวียอี๋เหนียงหัวใจสั่นไหว เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนั้นที่เหลิ่งชิงฮวนกำลังหมายถึงเป็นใคร ทันใดนั้นเลือดทั้งร่างกายก็สูบฉีดพุ่งไปที่สมอง หันกลับมามองเหลิ่งชิงเหยาอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น “เจ้าทำอะไรลงไป?”

เหลิ่งชิงเหยาเป็นลูกสาวสุดที่รักของนาง เป็นหัวแก้วหัวแหวน เป็นที่พึ่งในชีวิตปั้นปลายของตนเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ชีวิตที่เหลือทั้งชีวิตคงพังพินาศลง

และตนก็ได้กำชับเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง เตือนนางว่าอย่าได้ไปยั่วยุมู่หรงฉีอีก มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะตายอย่างไร

เหลิ่งชิงเหยาก้มหน้าก้มตาลงอย่างน่าสงสาร “ลูกถูกใส่ร้าย ถูกคนอื่นวางแผนให้ร้ายเข้าแล้ว”

เซวียอี๋เหนียงเกือบจะทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น ไม่ถามสาเหตุอะไรเลย แต่กลับอดทนรอไม่ไหวที่จะจี้ถามต่อ “อีกฝ่ายเป็นคนตระกูลไหน?”

“เป็นท่านอ๋องเฮ่า” คำพูดของเหลิ่งชิงเหยาแอบแฝงไปด้วยความปลาบปลื้มใจปะปนอยู่จางๆ

“ท่านอ๋องเฮ่า?” เซวียอี๋เหนียงยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ เอ่ยเสียงสูงขึ้นมา

“ใช่แล้ว” เหลิ่งชิงเหยามีสีหน้าพึงพอใจที่ไม่อาจจะปกปิดได้ “องค์หญิงหรูอี้มีเรื่องบาดหมางกับท่านพี่ ดังนั้นจึงแอบวางแผนทำร้ายข้าเงียบๆ ตั้งใจมอมเหล้าข้าให้เมา อยากทำลายชื่อเสียงและเกียรติยศของข้า ผลปรากฏว่าถูกอ๋องเฮ่าทำลายแผนการลง พระชายาเฮ่ามีน้ำใจโอบอ้อมอารี บอกว่าพรุ่งนี้จะเข้าวังไปขอให้ไทเฮาพระราชทานพิธีสมรสให้”

เซวียอี๋เหนียงมีความสุขขึ้นมาในทันที ความกังวลทั้งหมดที่มีก็มลายหายไป หากเปรียบเทียบกับการที่ลูกสาวได้มีที่พึ่งพาที่ดีแล้ว วิธีการจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เกียรติและศักดิ์ศรียิ่งไม่สำคัญเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจะไม่น่าฟังยังไง ก็วิพากษ์วิจารณ์กันแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้นเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป

แต่เนื่องจากความโกรธของเหลิ่งชิงฮวนที่แผ่ซ่านทั่วทั้งตัว นางยังคงแกล้งทำเป็นวางท่าและถอนหายใจออกมาสองสามครั้ง “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงได้โง่เช่นนี้นะ ก่อนที่จะไปแม่ไม่ใช่กำชับไว้แล้วหรอกหรือว่าจะต้องระมัดระวังตัว”

เหลิ่งชิงเหยาบ่นพึมพำเบาๆ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าองค์หญิงหรูอี้จะทำอะไรน่ารังเกียจและไร้ยางอายได้เช่นนี้ และก็ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปทำให้นางขุ่นเคืองใจได้อย่างไร นางถึงได้เอาความโกรธทั้งหมดที่มีมาลงที่ลูก”

เหลิ่งชิงฮวนมองนางอย่างเย็นชา “พูดมาเช่นนี้ คือจะบอกว่าเจ้าถูกร่างแหแบบนี้เพราะข้างั้นหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้ๆ” เซวียอี๋เหนียงไม่กล้ากล่าวโทษเหลิ่งชิงฮวน จึงรีบเอ่ยปฏิเสธทันที “เป็นพี่น้องกันก็ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต้องเผชิญหน้ากับภัยข้างนอกไปด้วยกัน”

เหลิ่งชิงฮวนตบโต๊ะเสียงดัง “ปัง” ขึ้นมา “เหลิ่งชิงเหยา เจ้ายังไม่คุกเข่าลงอีก!”

ทันใดนั้นนางก็โกรธขึ้นมา เสียงไม่ได้สูงอะไร แต่กลับมีพลังอย่างน่าตกใจ เหลิ่งชิงเหยาได้ยินดังนั้นก็สะดุ้ง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลง คาดไม่ถึงว่าจะคุกเข่าลงเสียงดัง “ตุบ” จริงๆ

“เจ้าคิดว่าสามารถแต่งเข้าจวนอ๋องเฮ่าได้ หน้าตาของตระกูลเหลิ่งก็ไม่ต้องสนใจอีกต่อไปแล้วงั้นหรือ ต่อให้ถูกคนอื่นชี้หน้าด่าว่า ก็ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

เหลิ่งชิงเหยาเดิมที่เป็นคนปากเก่งอยู่แล้ว วันนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์หญิงกับพระชายา กลับไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน ตอนนี้พอกลับมาถึงที่จวนมหาเสนาบดีแล้ว เลยไม่มีความกังวลใดๆ “ทำไมพี่ใหญ่ถึงพูดเช่นนี้เล่า? ข้าเองก็ถูกองค์หญิงหรูอี้ทำร้าย ได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน”

เหลิ่งชิงฮวนส่งเสียงเย็นชาขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ความคิดเล็กๆน้อยๆของเจ้าจริงๆงั้นหรือ? เหลิ่งชิงเหยา เมื่อครู่นี้เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าทุกคน ข้าเห็นแก่หน้าตาตระกูลเหลิ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเจ้าเท่านั้น ตอนที่เจ้าไปเรือนด้านหลัง ข้าได้เตือนเจ้าแล้วให้ระวังหรูอี้เอาไว้

ดังนั้นตอนที่หรูอี้มอมเหล้าเจ้า เจ้าก็เลยระมัดระวังตัว ดื่มไปเพียงนิดหนึ่ง แล้วแอบบ้วนออกมาครึ่งหนึ่ง และตอนที่อ๋องเฮ่าเข้ามาในห้องของเจ้า เจ้าก็ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ เป็นอย่างที่หรูอี้กล่าวเอาไว้จริงๆนั้นและว่าเจ้าตั้งใจปีนเข้าหาเขา

เหลิ่งชิงเหยาตัวแข็งทื่อ “ท่านพี่ทำไมถึงคิดเช่นนี้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในเหล้า?”

เหลิ่งชิงฮวนจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของนาง “เพราะว่าในตอนแรกเซวียซื่อเคยต้องการจะให้เจ้าแต่งงานกับคุณชายสามตระกูลจิน เจ้ากับเซวียอี๋เหนียงจึงแอบไปตรวจสอบเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับคุณชายจิน ลุงของเจ้าทำงานอยู่ที่ศาลต้าหลี่ อยากรู้เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับเขาไม่ใช่เรื่องยาก

เพราะคุณชายจินไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งที่ใจต้องการ ดังนั้นการเพิ่มอะไรบางอย่างปนไปในเหล้ามงคลที่เข้าหอก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นสมุนไพรถูกใส่ไปในเหล้าตั้งมากมาย กลิ่นยาแรงขนาดนั้น สีก็ยังแตกต่างจากน้ำเหล้าธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด เจ้าจะไม่มีทางรู้เรื่องได้อย่างไร?”

เหลิ่งชิงเหยาไม่กล้าเงยหน้ามองเหลิ่งชิงฮวน ทำเป็นหลบสายตามองไปรอบๆ เหงื่อไหลออกมาอย่างร้อนตัว “แต่ข้านึกไม่ถึงจริงๆ และก็ดื่มเหล้าเข้าไปแล้วด้วย”

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ามีวิธีตรวจวัดระดับเหล้าในเลือด คําพูดนี้ไม่ใช่พูดไปเพื่อข่มขู่หรูอี้แต่อย่างใด พวกเราจะลองทดสอบดูหน่อยไหม? เพียงแค่หยดเหงื่อไม่กี่หยดก็เพียงพอ”

เซวียอี๋เหนียงหยิกเข้าที่เอวของเหลิ่งชิงเหยา “พี่ใหญ่ของเจ้าทำแบบนี้ก็เพื่อเจ้า พูดออกไปตามตรงสิ อย่าได้ยั่วให้พี่ใหญ่ของเจ้าต้องโมโห”

เหลิ่งชิงเหยากัดริมฝีปากล่างแน่น “ข้า ตอนนั้นข้ายังมีสติอยู่เล็กน้อยจริงๆ เดาว่าองค์หญิงหรูอี้จะต้องมีเจตนาไม่ดีอะไรแน่ จึงอยากจะเปิดประตูแล้วเดินจากออกไป ปรากฏว่าเจอกับท่านอ๋องเฮ่าเข้า เขายืนใต้ชายคาตรงระเบียงอยู่คนเดียวภายใต้แสงเทียนสีแดง สวมอาภรสีทองสง่างามดูอ่อนโยนเหมือนดั่งต้มไม้ใหญ่ที่ค่อยให้ร่มเงาอันอบอุ่น ทำให้หัวใจเกิดสั่นไหว ช่วงเวลาหนึ่งเกิดหุนหันพลันแล่นทำอะไรไปชั่ววูบ จึงวางแผนซ้อนแผนอีกที”

“เจ้ารู้จักท่านอ๋องเฮ่าได้อย่างไร?”

“ครั้งก่อนในงานเลี้ยงครบรอบของท่านผู้อาวุโสที่จัดขึ้นในจวนรองเสนาบดี ข้าเคยเห็นเขากับท่านอ๋องเซวียนจากระยะไกลๆ”

“เจ้าช่างใจกล้าอย่างมาก ไม่กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินอ๋องเฮ่าเข้า จนทำให้ต้องทิ้งชีวิตน้อยๆไปหรอกหรือ”

“ท่านอ๋องเฮ่าก็ไม่เห็นจะโมโหอะไร ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้ผลักข้าออกด้วยซ้ำไป ช่างสง่างามมากจริงๆ”

เหลิ่งชิงเหยาเถียงกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ เซวียอี๋เหนียงจ้องเขม็งใส่นางอย่างแรง

“ชิงเหยาเด็กคนนี้เป็นคนพูดจาขวานผ่าซากและพูดจาตรงๆแบบนี้เสมอ พระชายาเองก็รู้อยู่ โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ เรื่องก็เป็นแบบนี้แล้ว ท่านก็ทำใจให้เย็นๆ ท้ายที่สุดแล้วหากชิงเหยาแต่งงานเข้าจวนอ๋องเฮ่าไป วันหน้าก็จะได้เป็นกองหนุนให้ท่านได้”

อย่างนี้สิที่เขาเรียกกันว่ามีแม่แบบไหนก็จะได้ลูกแบบนั้น

เหลิ่งชิงฮวนโกรธขึ้นมาครู่หนึ่ง “ตอนนี้จินซื่อไม่ได้อยู่ในจวนนี้แล้ว เรื่องการแต่งงานของชิงเหยาท่านสามารถตัดสินใจเองได้เลย หากใช้สถานะที่เป็นลูกอนุของจวนมหาเสนาบดี แต่งเข้าไปยังตระกูลสูงศักดิ์และเป็นฮูหยินใหญ่ที่มีอำนาจเข้มงวดควบคุมดูแลทุกอย่างจะไม่ดีกว่าหรือ และถึงแม้ว่านางจะมีความทะเยอทะยานแค่ไหน และต้องการเป็นพระชายารองก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แค่ให้ท่านพ่อยอมออกหน้าให้ก็เท่านั้น เหตุใดจึงต้องขุดดินฝังตัวเองเช่นนี้? เรื่องซุบซิบแพร่กระจายออกไปมันดีแล้วหรือ? นี่จะเป็นจุดอ่อนของเจ้าไปตลอดชีวิตเลยนะ!”

“พี่ใหญ่ท่านเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน มีความสัมพันธ์ลับๆกับท่านอ๋องฉี ตอนนี้ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่ว ยังมาทำเป็นสั่งสอนข้าอีก”

“หุบปาก!” เซวียซื่อยิ่งได้ยินนางพูดก็ยิ่งรู้สึกไม่น่าฟัง จึงรีบตะคอกใส่ทันที จากนั้นก็หันไปมองเหลิ่งชิงฮวนเพื่อเอ่ยพูดไถ่โทษ

เหลิ่งชิงฮวนรู้ว่า หากตัวเองยังพูดมากอีกหนึ่งประโยค คงได้กระทบกระเทือนไปถึงลูกในครรภ์ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“วันนี้ข้าจะถือเสียว่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่องเรื่องของเจ้า คำพูดที่หวังดีต่างๆก็พูดจบแล้ว ข้ายังคงยืนยันคำพูดเดิมที่พูดไป เซวียอี๋เหนียง จำคำสัญญาสามข้อระหว่างท่านกับข้าเอาไว้ให้ดีๆ อย่าได้คิดจะทะเยอทะยาน อย่าได้คิดเด็ดขาด พวกเจ้าทั้งสองคนจงทำตัวให้ดีๆ”

จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากจวนมหาเสนาบดีไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา