จือชิวมีความคิดอยากดื่มเหล้า และใช้ยายาเม็ดหนิงเซียง ราวกับมีเพียงความรู้สึกใกล้ตายถึงจะดับความทรมานนี้ได้
นางเจ็บปวดทรมานน้ำตาไหลพราก ดิ้นรนคลานไปข้างนอก ขยับออกไปทีละเก้าอย่างยากลำบาก อยากตะโกนร้องเรียก ลำคอก็แหบแห้ง ไร้เรี่ยวแรง อ่อนแอเป็นอย่างมาก ในลานด้านนอกก็ไม่มีคนได้ยิน
นางคิดว่าตัวเองเป็นโรคฉุกเฉินอะไรหรือไม่ รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้ตาย ดีที่ความเจ็บปวดนี้มาเยือนอย่างรวดเร็วและไปอย่างรวดเร็ว หายไปเร็วดั่งน้ำขึ้นน้ำลง นางลุกตัวขึ้นจากที่พื้นด้วยร่างที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ
นางพักผ่อนได้เกือบหนึ่งชั่วยาม ความรู้สึกที่แน่นขนัดในหัวใจก็บรรเทาลง เหลิ่งชิงหลางด่านางแอบอู้งาน นางถึงค่อยๆ ลุกขึ้น และเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ไม่มีผู้ใดสังเกตท่าทางของนาง ในใจนางหวาดกลัวมาก อาศัยช่วงเวลาว่างไปหาหมอ หมอตรวจวัดชีพจร เพียงรู้สึกว่าผิดปกติ แต่ก็พูดไม่ถูก เมื่อฟังนางเล่าอาการจบ สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้น
“อาการของเจ้าเหมือนโดนวางยาพิษ แต่ข้าไม่เคยเห็นพิษประเภทนี้ หรือไม่ เจ้าลองไปขอให้พระชายาวินิจฉัยให้เจ้า วันหลังข้าค่อยสอบถามนางก็ได้”
จือชิวเอ่ยขอบคุณ “หรืออาจจะเป็นแค่ฉับพลัน ประเดี๋ยววันหลังหากกำเริบค่อยมาหาท่าน”
นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ เดินกลับไปด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อก่อน มักมีอาการวูบไม่มีแรงเป็นบางครั้ง แต่ช่วงนี้กำเริบบ่อย จึงรู้สึกแปลกใจ นอกจากนี้ ยังเกิดหลังจากที่ตนใช้ยาเม็ดหนิงเซียง หรือจะเกี่ยวข้องกับยาเม็ดหนิงเซียงนะ?
จำได้ว่าตอนที่เหลิ่งชิงหลางขอยาเม็ดหนิงเซียงจากเหลิ่งชิงฮวน เหลิ่งชิงฮวนเคยกำชับนาง บอกว่ายานี้มีพิษ
นางอยากตามหาฟังผิ่นจือ เหตุผลหนึ่งคืออยากถามเขาว่าใช้ยานี้มีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือนางอยากหน้าด้านไปขอยาจากเขาอีก อาการโหยกระหายตอนที่พิษออกฤทธิ์ช่างทรมานเหลือเกิน
นางออกจากวังโดยไม่รายงานเหลิ่งชิงหลาง ถือโอกาสตอนพักกลางวัน บอกกับทหารเฝ้าประตูว่าไปซื้อผงไขมันแทนเหลิ่งชิงหลาง และออกจากจวนได้สำเร็จ
นางรู้ดี ทุกครั้งที่เหลิ่งชิงหลางพบฟังผิ่นจือมักให้เด็กรับใช้ไปส่งสารถึงจินเอ้อร์ที่จวนสกุลจิน จินเอ้อร์ต้องมีกำชับล่วงหน้าแน่นอน
นางวิ่งตากแดดมาถึงหน้าประตูจวนสกุลจิน สอบถามทหารเฝ้าประตู “ข้าเป็นสาวรับใช้พระชายารองแห่งจวนฉีอ๋อง พระชายารองสั่งข้ามาส่งสารให้เเม่นางเสี่ยวจือ ไม่ทราบว่านางอยู่หรือไม่”
ทหารเฝ้าประตูสบตากัน “เเม่นางเสี่ยวจืออะไรกัน จวนของเราไม่มีแม่นางคนนี้”
“จะเป็นไปได้เยี่ยงไร” จือชิวคิดว่าสองคนนี้เป็นทหารใหม่ จำคนในจวนไม่ได้ “นางคือคนรับใช้ของคุณชายรองของเจ้า ร่างสูงและสง่างาม”
ทหารเฝ้าประตูเหมือนไม่ได้พูดล้อเล่น “คุณชายรองของจวนมีสาวรับใช้สองคนจริง ล้วนหน้าตาสวยงาม แต่ไม่ได้ชื่อเสี่ยวจือ และไม่สูง”
“ก็คือนางที่มักไปที่จวนฉีอ๋องบ่อยๆ มักชอบสวมชุดสีฟ้า และถือตะกร้าจักสาน”
ทหารเฝ้าประตูปฏิเสธอย่างชัดเจน “ข้าเฝ้าประตูจวนสกุลจินมายี่สิบกว่าปี ไม่ต้องพูดถึงสาวรับใช้ในจวน ขนาดทาสติดตามก็ยังจำได้ พระชายารองจำผิดแล้วหรือไม่ หรือให้ข้าไปรายงานคุณชายรอง? ”
“ไม่ต้องดอก” จือชิวปฏิเสธอ้อมๆ “แค่เป็นสารส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคุณชายรอง วันหลังข้าได้พบนางแล้วค่อยบอก ไม่ได้เร่งรีบอะไร”
จือชิวในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ฟังจากทหารเฝ้าประตู รู้สึกบอกปัด ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกงงงวย สุดท้ายจึงทำได้เพียงหันหลังกลับ
แต่เรื่องช่างน่าบังเอิญ วันรุ่งขึ้น ฟังผิ่นจือเห็นเวลาอันสมควร จึงมาเข้าเฝ้าด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...