ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 257

เมื่อฮ่องเต้มาถึง เหล่าขุนนางก็นั่งลงและงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น

บรรเลงเพลงร่ายรำ ผ้าแพรไม้ไผ่ไสว ยกสุราเชื้อเชิญกันจนจันทราส่องนภา

วันนี้ฮ่องเต้อารมณ์ดีมาก

มู่หรงฉีและเหล่าองค์ชายก็ดื่มสุราด้วยกัน ทั้งเหล่าขุนนางเองก็มาคารวะยิ่งทำให้เมามาย เหลือเพียงเศษเสี้ยวของสติ

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเหนื่อยและอึดอัดจากกลิ่นแอลกอฮอล์มานานแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะออกจากงานเลี้ยงก่อนกำหนด

ไม่นานดวงจันทร์ก็ลอยคว้างอยู่กลางนภา แสงจันทร์สว่างไสวราวกับแผ่นหยก ส่องแสงระยิบระยับให้ทั้งท้องฟ้าและผืนดินกลายเป็นสีเงิน

คนรับใช้ในวังยกเค้กผลไม้และไวน์องุ่นขึ้นมา ก่อนจะจุดธูปและเชิญไทเฮาและฮ่องเต้ไปไหว้พระจันทร์

การไหว้พระจันทร์เป็นประเพณีของเทศกาลไหว้พระจันทร์ บุรุษไม่บูชาพระจันทร์ สตรีไม่บูชาเทพเจ้าเตา การไหว้พระจันทร์เป็นเรื่องของเหล่าสตรี กล่าวกันว่าทุกเทศกาลไหว้พระจันทร์ไทเฮาจะพาสตรีในราชวงศ์ไปบูชาเทพจันทรา อธิษฐานขอให้อากาศดีในปีหน้า ให้สตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนได้คู่ครองที่ดี

นี่เป็นครั้งแรกที่เหลิ่งชิงฮวนเข้าร่วมงาน เธอยึดหลักเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เธอลุกขึ้นตามคนอื่นเดินออกไปยังแท่นบูชาที่มีเครื่องหอมตั้งไว้อยู่แต่ก็ถูกฮองเฮาห้ามไว้

“ตามธรรมเนียมโบราณ สตรีตั้งครรภ์และสตรีที่ร่างกายสกปรกไม่สามารถไหว้พระจันทร์ได้ เชิญพระชายาไปนั่งพักที่ด้านข้างเถิด”

สตรีที่ร่างกายสกปรกนี้ไม่ใช่ความหมายทางลบแต่หมายถึงญาติผู้หญิงที่มีประจำเดือนตามร่างกายห้ามแตะเครื่องหอมเพราะถือเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้า

เหลิ่งชิงฮวนเหนื่อยมาก เธอไม่อยากกลับไปที่งานเลี้ยง เธอแค่ต้องการที่สงบเพื่ออยู่เงียบๆ สักพัก

แม่นมเตียวเห็นว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ค่อนข้างบาง อีกทั้งลมหนาวก็เริ่มพัดมาจึงบอกให้เธอกลับไปเอาเสื้อคลุมเหลิ่งชิงฮวนเจอจุดที่ไม่มีแสงไฟ ยืนอยู่ใต้ชายคาระเบียง มองไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสวเหนือหัวของเธอปล่อยให้ความคิดโลดแล่นไป

เสียงของผู้คนในงานเลี้ยงทำให้ที่นี่เงียบยิ่งขึ้นมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางนี้ ชายหญิงคู่หนึ่งกระซิบกระซาบกันเสียงแผ่ว

“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ ระวังอย่าให้ใครเห็นวันนี้ผู้คนมากหน้าหลายตา”

“กลัวอะไรกัน? หากมีใครเห็นเข้า ข้าก็จะไปกราบทูลฮ่องเต้ว่าข้าชอบพอเจ้า”

“คงจะถูกชี้หน้าหัวเราะเยาะให้อับอาย หากท่านมีความคิดเช่นนั้นมานานแล้วเหตุใดถึงได้ชักชวนให้หม่อมฉันกลับมาอยู่ในวังล่ะเพคะ”เสียงพูดคุยดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่แอบมาพลอดรักกัน

เหลิ่งชิงฮวนอยากกระแอมเบาๆ อย่างตั้งใจเพื่อเป็นการเตือน แต่ก็กลัวจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอับอาย เมื่อเห็นว่าประตูตำหนักด้านหลังเปิดแง้มอยู่ เธอจึงพยายามบีบตัวเข้าไป คิดว่ารอให้ทั้งสองคนออกไปก่อนแล้วเธอค่อยออกไป

แต่ใครเล่าจะรู้ว่าจู่ๆ ชายหญิงคู่นี้กลับยักแย่ยักยันกันอยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง

“ฮ่องเต้ยังต้องการให้หม่อมฉันปรนนิบัติอยู่นะเพคะ อย่าเพิ่งทำอะไร เดี๋ยวหน้าแดงปากจะมองหน้าผู้อื่นได้อย่างไรล่ะเพคะ”

ชายคนนั้นเปิดประตูและลากหญิงสาวเข้าไปในตำหนัก แต่นางยังคงเอาเท้าขัดธรณีประตูไว้ไม่ยอมเข้าไป

เหลิ่งชิงฮวนตะลึง คืนนี้จันทร์กระจ่างภายในห้องจึงสว่าง เมื่อทั้งสองคนเข้ามาเห็นเธอเข้าก็คงจะกระอักกระอ่วน

เธอเหลียวซ้ายแลขวาเห็นตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ชิดผนังก็รีบเข้าไปและปิดประตูตู้ทันที

ตู้เสื้อผ้าว่างเปล่ามีเพียงผ้าห่มสองผืนในนั้น น่าจะเป็นของที่พวกนางสนมใช้เวลาไปพักผ่อนในสวน

ทันทีที่ประตูปิดลง ชายคนนั้นก็กึ่งดึงกึ่งลากนางเข้ามา แล้วปิดประตูดัง “ปัง” เขากอดนางทันทีแล้วก้มศีรษะลงมาเพื่อปิดปากที่กำลังร้องประท้วงของนาง

นางส่งเสียงอื้ออึงอยู่สักพักก่อนจะหยุดขัดขืน ในห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังชัดเจนท่ามกลางห้องที่ว่างเปล่าและเงียบสงัด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา