ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 265

เมื่อออกมาจากเรือน เหลิ่งชิงฮวนค่อยๆเดินกลับ ครุ่นคิดถึงข่าวคราวที่เมื่อกี้รู้มาจากเจ้าของร้าน ใคร่ครวญทำอย่างไรจึงจะสามารถถอนรากถอนโคนองครักษ์อินทรีได้ จะได้ไม่เกิดหายนะขึ้นในภายหลัง

โตวโตวเดินตามอยู่ด้านหลัง รู้สึกว่าวันนี้พระชายาของตนเองนั้นอารมณ์ไม่ค่อยปกติ มองเห็นพลังการฆ่าจากตัวของเธอ อีกทั้งยังมีเรื่องหนักอกหนักใจ

เดินผ่านประตูร้านตำราแห่งหนึ่ง โตวโตวดึงแขนเสื้อของเธอ ชี้ไปที่ป้ายร้านตำราที่อยู่ข้าง ๆ “คุณหนูคะเจ้าคะ ร้านนี้ใช่ร้านของเชียนจินแห่งจวนแม่ทัพจินอู๋ที่ครั้งก่อนในวังหลวงเขาไปยั่วยุคุณหนูน่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้ามอง เห็นป้ายด้านบนปักดิ้นทองตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว “เรือนหล่อทองคำ”

ในตำราซ่อนไว้ซึ่งบ้านเรือนทอง ในตำราซ่อนไว้ซึ่งอนงค์น้อง กึ่งหยาบกึ่งสง่างาม ตั้งชื่อนี้แล้วสัมผัสได้ถึงพลัง

เหลิ่งชิงฮวนคิด ถึงเวลาที่ต้องไปพบแม่นางฉู่แล้วล่ะ ครั้งก่อนที่วังหลวงมีแขกเหรื่อมากมาย มีสิ่งที่จะพูดมากมายพูดไปได้แค่ครึ่งเดียว

เธอหันตัวแล้วเดินเข้าไปในร้านตำรา

บรรยากาศในร้านตำรานั้นงดงามมาก มีกลิ่นหอมของตำราลอยโชยมา นอกจากนี้เหมือนกับมีกลิ่นหอมของไม้จันทร์อ่อนๆ โชยออกมาจากชั้นตำรา

ด้านในมีวางขายพวกภาพเขียน พู่กัน, แท่งหมึก, กระดาษ, ที่ฝนหมึก ตำรา และยังมีพวกเครื่องประดับตกแต่งงดงามต่างๆ เช่นที่วางแท่นพู่กันและสิ่งอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของเจ้าของร้านนี้

พนักงานร้านเห็นว่านางเป็นบุคคลไม่ธรรมดา ก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “ฮูหยินท่านนี้ต้องการอะไรหรือไม่ เชิญนั่งทางด้านนี้ก่อน ข้าน้อยจะไปหยิบมาให้ท่านชม”

เหลิ่งชิงฮวนเพิ่งจะนั่งได้ครู่เดียว ก็ปวดเอว “ขอถามหน่อยลูกสาวเจ้าของร้านอยู่หรือเปล่า?”

พนักงานร้านใบหน้ายิ้มแย้ม “หลายวันมานี้ลูกสาวเจ้าของร้านไม่ได้มาที่ร้านเจ้าค่ะ หากท่านชื่นชมผลงานภาพเขียนของนาง ในร้านยังมีอยู่สองสามใบ เจ้าของร้านได้สั่งให้พวกเราเก็บเอาไว้ อยู่ตรงตู้สินค้าเจ้าค่ะ”

“ทำไมล่ะ ไม่ขายแล้วเหรอ?” เหลิ่งชิงฮวนพลั้งปากถาม

“เจ้าของร้านไม่ได้บอกอะไรมาก หากท่านชอบ ก็สามารถขายให้ได้เจ้าค่ะ”

พนักงานร้านถือม้วนกระดาษห้าหกม้วนมาอย่างขยันขันแข็ง เปิดให้เธอดู

เหลิ่งชิงฮวนมองดู จำเป็นต้องบอกเลยว่าแม่นางฉู่ท่านนี้อายุยังน้อย เรื่องความรู้ฝีมือในการวาดภาพนั้นถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ ภาพวาดใบเมเปิ้ลแห่งชิวซานในมือของผู้ช่วยนั้น เพียงแค่จินตนาการ ก็สามารถเห็นภาพความสวยงามของสีแดงเพลิงทั่วภูเขา ดูมีชีวิตชีวา

บวกกับผลงานบทเพลงกลอน ทั้งยังงสามารถรำเพลงดาบ ฝีมือยอดเยี่ยม นี่สิอัจฉริยะในตำนานกว่าบุตรีสตรีบ้านอื่น ไม่แปลกใจเลยที่นางจะคิดว่าตนเองเหนือชั้นกว่าคนอื่น ถึงได้ไม่พอใจตนเอง

เหลิ่งชิงฮวนสนใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปดูภาพวาดสองภาพทีเหลือ เปิดดูทีละภาพ ส่วนมากจะเป็นสาวงาม มีเพียงภาพสุดท้ายที่ไม่เหมือนกัน แล้วคนที่อยู่ในภาพนั้น ก็คลับคล้ายคลับคลาเป็นคนคุ้นเคย

เหล่ิงชิงฮวนยังไม่ทันได้ดูอย่างละเอียด พนักงานร้านก็พูดขึ้นมาก่อน “ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าน้อยหยิบมาผิด ภาพนี้เจ้าของร้านให้เอาไปใส่กรอบ ยังไม่ได้มาเอาไป ขายให้ไม่ได้”

เหลิ่งชิงฮวนตอบเพียงแค่ “อือ” จากนั้นก็มองภาพนี้อย่างละเอียด

ในภาพนั้น ที่พนักงานร้านเปิด เต็มไปด้วยผู้คน เป็นภาพของขบวนแห่จอหงวนในวันนั้น

เพียงแต่ตำแหน่งของภาพนั้นยังไม่สมบูรณ์ ขบวนจอหงวนคนใหม่และขั้นสองนั้นได้ผ่านไปแล้ว แต่พวกชาวบ้านล้อมรอบเพียงแค่ขบวนบัณฑิตอันดับสาม เชิดหน้าชูตา เต็มไปด้วยความเคารพ

ส่วนบัณฑิตอันดับสาม ก็คือพี่ใหญ่ของเหลิ่งชิงฮวน เหลิ่งชิงเฮ่อ อยู่เคียงข้างมู่หรงฉี มู่หรงฉีพลาดนิดหน่อย หน้าหันข้าง ขี่อยู่บนหลังม้าตัวสูงใหญ่ หล่อเหลารูปงาม องอาจไม่ธรรมดา

ในขณะที่เหลิ่ิงชิงเฮ่อหันหน้ามาพูดกับมู่หรงฉีพอดิบพอดี คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ อ่อนโยนสง่างาม เหมือนกับต้นหยกพลิ้วไหว

จรดปลายพู่กันที่ละเอียดอ่อน ทั้งมีจิตวิญญาณ ทำให้ตัวละครในภาพวาดนั้นดูเสมือนจริงมีชีวิีตชีวา

ในใจเหลิ่งชิงฮวนเต้น “ตึกตัก” แม่นางฉู่คนนี้เป็นศัตรูกับตัวเองมากขนาดนี้ ไม่เหมือนกับจิ่นอวี๋และเหลิ่งชิงหลาง ชื่นชมมู่หรงฉี คิดว่าตัวเองเป็นศัตรูความรักสินะ?

เอาเป็นว่าตนเองไม่เคยล่วงเกินนาง ทำไมนางเอาแต่ข่มตน เอาตัวเองไปเปรียบเทียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา